แชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ อ่านเลย

กระจกก็เป็นอีกส่วนประกอบหนึ่งของบ้านหรือคอนโดที่จะช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับตัวบ้าน ทำให้บ้านของเราดูโปร่งโล่งสบาย มีแสงลอดเข้าผ่านตัวบ้านได้ ทำให้บ้านดูน่าอยู่อาศัยมากขึ้น แต่หลายคนก็กังวลว่าเวลาเกิดอุบัติเหตุกับกระจกอาจจะทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กเล็กอยู่หากมีเหตุการณ์กระจกแตกก็จะทำให้ได้รับบาดเจ็บ เรามาดูกระจกนิรภัยกันดีกว่าว่ามีแบบไหนบ้าง รับรองว่าทุกแบบมีความปลอดภัยถึงจะแตกก็ไม่เกิดอันตรายอีกด้วย

3 กระจกนิรภัยที่ปลอดภัย กระจกแตกก็ไม่อันตราย

1. กระจกเทมเปอร์ (Tempered Glass)

กระจกเทมเปอร์

ภาพจาก : Window Flim Depot

กระจกเทมเปอร์เป็นกระจกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในวงการอสังหาริมทรัพย์ มีความแข็งแรง ทนทาน และเมื่อกระจกแตกจะมีลักษณะคล้ายกับเมล็ดข้าวโพด พวกเหลี่ยมคมๆ ของตัวกระจกก็จะน้อยกว่าปกติมากทำให้ไม่เกิดอันตราย ในด้านการทำนั้นก็คือนำกระจกธรรมดาไปอบด้วยความร้อนสูงประมาณ 650 – 750 องศาเซลเซียส จากนั้นก็ใช้ที่เป่าลมแรงดันสูงเป่าเพื่อให้กระจกเย็นตัวทำให้ตัวกระจกมีความแข็งแรงมากขึ้น ทนกว่ากระจกธรรมดาทั่วไป 3 – 5 เท่า นอกจากนี้ยังมีความทนต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิแบบเฉียบพลันอีกด้วย

กระจกเทมเปอร์แตก

ลักษณะเมื่อกระจกเทมเปอร์แตก ภาพจาก : Brennan Enterprise

สำหรับตัวกระจกเทมเปอร์ตามท้องตลาดที่ขายกันทั่วไปและหาได้ง่ายจะมีขนาดความหนาตั้งแต่ 4 – 19 มิลิเมตร ข้อควรระวังสำหรับผู้ที่ต้องการติดตั้งกระจกเทมเปอร์ให้กับบ้านเลยก็คือมันไม่สามารถตัดหรือเจาะเพิ่มเติมหลังจากที่ผลิตออกมาแล้วได้ เพราะหากมีการเจาะหรือตัดตัวกระจกเทมเปอร์จะทำให้แตกทันที เราอาจจะต้องมีการวัดหรือให้ทีมที่เราสั่งผลิตกระจกเข้ามาตรวจสอบหรืออธิบายความต้องการของเราให้กับผู้ผลิตให้เข้าใจ จะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง นอกจากนี้สิ่งที่ต้องระวังสำหรับกระจกเทมเปอร์เลยคือ “มุมกระจก” ส่วนนี้จะมีความบอบบางเป็นพิเศษ บางครั้งโดนนิดหน่อยก็ทำให้แตกได้ทั้งบาน ฉะนั้นไม่จำเป็นอย่าไปยุ่งกับมุมโดยเด็ดขาด

2. กระจกลามิเนต (Laminated Glass)

กระจกลามิเนต

ภาพจาก : AIS Glass

กระจกลามิเนตนับว่าเป็นกระจกที่มีความปลอดภัยมากที่สุดในบรรดากระจกนิรภัยทั้ง 3 ตัวแล้ว ตัวกระจกจะมีการผลิตโดยนำกระจก 2 บานเข้ามาประกบหากัน เชื่อมด้วยฟิล์มสำหรับเคลือบกระจกและใช้ความร้อนในการเชื่อม ทำให้กระจกทั้งสองแผ่นกลายเป็นแผ่นเดียวกัน เมื่อผลิตออกมาแล้วจะทำให้ดูเหมือนเป็นกระจกแผ่นเดียวเท่านั้น

นอกจากนี้สีรวมถึงคุณสมบัติของกระจกลามิเนตก็จะขึ้นอยู่กับว่าขั้นตอนการผลิตนั้นใช้ฟิล์มชนิดใด เช่น ฟิล์มขุ่น ฟิล์มใส ฟิล์มป้องกันความร้อน ฟิล์มป้องกันแสง UV และฟิล์มชนิดอื่นๆ ขึ้นอยู่กับผู้ผลิต และหากเกิดอุบัติเหตุจนทำให้กระจกลามิเนตแตกได้มันก็จะไม่ร่วงออกมาเหมือนกระจกทั่วไป แต่เวลามันแตกจะทำให้พวกเศษกระจกติดอยู่กับฟิล์มไม่ร่วงลงมา จึงทำให้ไม่เกิดอันตราย ลักษณะของร่องรอยการแตกก็จะไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับว่าใช้กระจกชนิดไหนมาประกบให้เป็นแผ่นเดียวกัน

กระจกลามิเนตแตก

กระจกลามิเนตถ้าแตกจะไม่กระจายออก ภาพจาก : Magic Glass

และด้วยความแข็งแรงของกระจกลามิเนตนี้เองทำให้สามารถใช้งานได้หลากหลายมากๆ ทั้งการนำไปเป็นหลังคา ทำเป็นตัวกั้นระเบียงได้ รวมถึงพวกอาคารสำนักงานก็นิยมใช้กระจกชนิดนี้ในการติดตั้งที่ตึกด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าความปลอดภัยและความแข็งแรงของมันก็ต้องแลกมากับราคาที่สูงพอสมควร แต่ก็คุ้มค่ากับราคาไม่น้อยหากเอามาเทียบกับเรื่องความปลอดภัยที่จะได้รับ

3. กระจกเสริมลวด (Wire-Reinforced Glass)

กระจกเสริมลวด

ภาพจาก : The DG Group

กระจกเสริมลวดเป็นกระจกที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยจะนำลวดใส่เอาไว้ในกระจกทำให้กระจกมีความแข็งแรงมากขึ้น หากเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้กระจกเสริมลวดแตก ตัวกระจกจะไม่แตกกระจายออกมาเนื่องจากว่ามีลวดภายในกระจกยึดเอาไว้ แต่มันก็ยังมีความแหลมคมของกระจกอยู่ นอกจากนี้คุณสมบัติของกระจกเสริมลวดยังมีความทนทานควาวมร้อนที่สูงพอสมควร สามารถสกัดกั้นไฟและควันไฟไม่ให้ลุกลามไปที่อื่นได้ นอกจากนี้ด้วยตัวกระจกที่เสริมลวดทำให้กระจกมีความแข็งแรง ยากแก่การเข้ามาโจรกรรมของขโมยอีกด้วย

กระจกเสริมลวดมักจะนิยมติดตั้งในอาคารสำนักงานในจุดที่ต้องการสกัดกั้นควันไฟและป้องกันไฟลาม เช่น พื้นที่หนีไฟหรือบริเวณที่กำหนดให้เป็นพื้นที่ป้องกันไฟ นอกจากนี้ร้านค้าที่มีสินค้ามูลค่าสูงที่ต้องการทั้งความสวยงามและป้องกันการโจรกรรมไปพร้อมๆ กันก็นิยมใช้กระจกเสริมลวดด้วยเช่นกัน แต่สำหรับบ้านทั่วไปก็สามารถใช้ได้เพราะดีไซน์ของมันและความแข็งแรงก็ถูกใจหลายคนเช่นกัน

สรุป

กระจกนิรภัยหลักๆ ในบ้านเราก็จะได้รับความนิยมทั้งหมด 3 แบบ ตามที่เราได้อธิบายไปข้างต้น แต่สำหรับบ้านทั่วไปมักจะนิยมกระจกเทมเปอร์กับกระจกลามิเนตมากกว่า เพราะบ้านส่วนมากอาจจะไม่ได้ต้องการกระจกที่มีความแข็งแรงมากขนาดเท่ากับกระจกเสริมลวด ทำให้ 2 ตัวแรกจะนิยมใช้ในบ้านทั่วไปมากกว่า


แชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ อ่านเลย