ประเทศไทยเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องความร้อนอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าร้อนที่บางบ้านอาจจะร้อนจนแทบจะอยู่ไม่ได้เลยหากไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศ แน่นอนว่าหลายคนที่มีบ้านเป็นของตัวเองนั้นก็อยากให้บ้านของตัวเองมีความสวยงามและสามารถป้องกันความร้อนได้ แต่หลายคนอาจจะกังวลว่าถ้าหากเราติดกระจกให้กับบ้านนอกจากจะช่วยเรื่องความสวยงามแล้วมันจะกันแดดได้รึเปล่า ในบทความนี้เราจะพาคุณไปเลือกดูกระจกกัน
3 ชนิดกระจกที่ช่วยลดความร้อนของบ้าน เพิ่มความสวยงาม
1. กระจกสีเขียวตัดแสง (Heat-Absorbing Glass)

บ้าน ตึกคอนโด แม้กระทั่งอาคารสำนักงานก็นิยมใช้
ปัจจุบันกระจกชนิดนี้ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับบ้านหลายหลัง รวมถึงตึกสูงอย่างคอนโดและตึกสำนักงานด้วย เนื่องจากดูเป็นโทนที่สบายตาพร้อมทั้งกับโครงการบ้านส่วนมากมักจะใช้กระจกสีนี้กันจึงทำให้ได้รับความนิยมไม่น้อยในบ้านของเรา สำหรับตัวคุณภาพของกระจกสีเขียวตัดแสงนั้นสามารถกรองได้ทั้งรังสี UV ที่เป็นอันตรายจากแสงแดดทำให้เกิดโรคผิวหนังได้หากได้รับแสง UV เป็นเวลานาน

รวมถึงยังช่วยลดความร้อนได้เกือบ 50% ทำให้ประหยัดพลังงานมากขึ้นหากเรามีการเปิดเครื่องปรับอากาศอยู่ภายในบ้าน ทำให้เครื่องปรับอากาศไม่ทำงานหนักเพื่อให้ห้องเย็น สิ่งที่ทำให้มันช่วยป้องกันเรื่องความร้อนและรังสียูวีได้ก็มาจากกระบวนการผลิตกระจกที่จะทำการเพิ่มออกไซต์เข้าไปในขั้นตอนการหลอมกระจก พร้อมทั้งเติมโลหะชนิดต่างๆ เข้าไป และพวกโลหะนี้เองทำให้ส่งผลต่อสีของกระจก รวมถึงยิ่งมีสีเข้มเท่าไหร่ก็หมายความว่าโลหะเหล่านี้อยู่ในกระจกเป็นปริมาณมาก รวมถึงยังทำให้แดดสอดส่องเข้ามาในบ้านของเราได้น้อยลงอีกด้วย

อีกจุดที่ควรทราบเลยคือกระจกสีเขียวตัดแสง ด้วยกระบวนการสร้างที่จะมีการใส่โลหะเข้าไปในเนื้อกระจก เพื่อเพิ่มคุณสมบัติในการป้องกันแสงแดดและรังสี UV ทำให้พระเอกตัวจริงของกระจกนี้ก็คือโลหะที่อยู่ในกระจก เมื่อความร้อนส่องเข้ามาที่กระจก ตัวโลหะจะทำการดูดซับเอาไว้ ถ้าหากว่ากระจกทั้งบานตากแดดทั่วทั้งแผ่นก็จะทำให้ความร้อนภายในกระจกมีความสม่ำเสมอ กระจายตัวอย่างทั่วถึงทั้งแผ่น แต่ถ้าหากความร้อนอยู่เพียงแค่จุดๆ เดียว จุดอื่นๆ โดนบังไม่โดนแดดก็อาจจะทำให้กระจกแตกได้หากให้เป็นระยะเวลานาน
2. กระจกสะท้อนแสง (Reflected Glass)

ตึกคอนโดและอาคารสำนักงานนิยมใช้กระจกนี้
กระจกสะท้อนแสงเป็นกระจกอีกชนิดที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกโครงการคอนโดหรือตึกอาคาร สำนักงานสูงๆ มักจะใช้กระจกชนิดนี้กัน ตัวกระจกจะมีการเคลือบออกไซต์ทำให้มีค่าความโปร่งแสงต่ำ คนภายนอกมองเห็นข้างในได้ยาก แต่คนที่อยู่ในภายจะมองออกมาข้างนอกได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ตัวกระจกยังมีการเคลือบสารสะท้อนแสงไว้ที่กระจกด้วยเช่นกัน สามารถลดความร้อนจากแดดที่จะส่องเข้ามาได้มากถึง 50% ทำให้ช่วยในเรื่องของการประหยัดพลังงานให้กับบ้าน อาคาร หรือตึกสำนักงานไม่น้อย แต่ราคากระจกชนิดนี้ก็สูงกว่ากระจกทั่วไปถึง 1.5 เท่า ด้วยความที่แดดส่องเข้ามาได้น้อยทำให้บ้าน อาคาร หรือตึกสำนักงานที่ใช้กระจกชนิดนี้จะต้องเพิ่มแสงสว่างให้มากขึ้นกว่าเดิม

ภาพจาก : Guardian Glass
ข้อเสียของกระจกประเภทนี้เลยคือการสะท้อนแสงที่อาจจะทำให้เกิดอันตรายแก่บริเวณที่แสงไปตกกระทบได้ ยิ่งหากคุณติดในบ้านของคุณ เมื่อแสงแดดสะท้อนเข้ามาผ่านกระจก ตัวกระจกจะทำหน้าที่ในการสะท้อนแสงนั้นออกไปตกกระทบที่อื่น ถ้าหากแสงสะท้อนไปโดนบ้านเพื่อนบ้านก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาได้ นอกจากนี้ยังต้องมีการดูแลเป็นพิเศษเนื่องจากว่าหากเราดูแลไม่ถูกวิธีแล้วก็จะทำให้สารเคลือบกระจกและสารที่ป้องกันพวกแดด รังสี UV ถูกทำลายหรือเสื่อมสภาพไวกว่าที่ควรเป็น
3. กระจก Low Emissivity

ภาพจาก : VSOM Glass
กระจกโลว์อีหลายคนอาจจะไม่คุ้นชื่อกันสักนิด จริงๆ กระจกชนิดนี้มีมานานมากแล้วในเมืองนอก แต่ในเมืองไทยพึ่งจะเริ่มได้รับความนิยมและใช้กันอย่างแพร่หลายเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น สำหรับกระจก Low E ตัวกระจกจะมีการเคลือบสารฉนวนกันความร้อนและการป้องกันรังสีเอาไว้ที่ตัวกระจก นอกจากนี้มีการสะท้อนแสงที่ต่ำทำให้แสงสามารถลอดเข้ามาในตัวอาคาร ตึกสำนักงานหรือบ้านได้ แต่แสงนั้นก็จะถูกลดความร้อนออกไป ทำให้การจัดการความร้อนของกระจกแบบโลว์อีทำได้ดีมาก ควบคุมอุณหภูมิของบ้านไม่ให้ร้อนเกินไป ทำให้บ้านประหยัดพลังงานมากขึ้นอีกด้วย หากเทียบกับกระจกสะท้อนแสงแล้วตัวกระจกโลว์อีจะให้แสงสว่างได้ดีกว่าพอสมควร

ภาพจาก : Stanek Windows
สำหรับโลหะที่นำมาเคลือบกระจกโลว์อีจะนิยมใช้ 2 ตัวหลักๆ คือ อลูมิเนียมหรือเงิน เนื่องจากโลหะทั้งสองตัวนี้มีคุณสมบัติในการแผ่ความร้อนที่น้อยทำให้ได้รับความนิยมในการนำมาเคลือบกระจกโลว์อี สำหรับราคาก็มีราคาที่แพงพอสมควรยิ่งใช้ชนิดที่ต้องการประหยัดพลังงานมากเท่าไหร่ก็จะมีการผลิตที่แตกต่างและมีราคาที่สูงขึ้นด้วย
สรุป
สำหรับกระจกทั้ง 3 แบบก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป มีราคา คุณสมบัติที่แตกต่างกันพอสมควร แต่จุดประสงค์หลักๆ ของทั้ง 3 แบบที่ทางบ้านเพื่อนได้ยกมานั้นก็สามารถช่วยลดความร้อนของบ้านได้เป็นอย่างดี ทำให้บ้านของเราเย็นมากขึ้น มีความสวยงาม และประหยัดพลังงานได้ดีอีกด้วย