การตกแต่งภายในบ้านก็มีความสำคัญ เปรียบเหมือนกับการสร้างสภาพแวดล้อมให้มีความสวยงามน่าอยู่ และยังสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อยให้กับสถานที่นั้นๆ รวมถึงสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการใช้งานพื้นที่ของเรา ในการออกแบบเราสามารถเลือกทั้งวัสดุที่จะทำมาใช้ การออกแบบ การจัดวาง ทำให้สถานที่ที่เป็นบ้านหรือสำนักงานหรือสถานที่นั้นๆ มีความน่าอยู่และสะดวกสบายมากขึ้น
ความสำคัญของการตกแต่งภายในบ้าน
- สัญญาการรับเหมาก่อสร้าง
การตกแต่งภายในบ้านมีความสำคัญมากเนื่องจากมีผลต่อคุณภาพชีวิตและความพึงพอใจของผู้อยู่อาศัยในบ้านทั้งเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีน่าอยู่ เพิ่มความสวยงามและเสน่ห์ให้กับตัวบ้าน และเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ของบ้านได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยหลักๆ แล้วการตกแต่งภายในบ้านจะมีความสำคัญอาทิเช่น
1. การปรับปรุงของเดิมจากที่มีอยู่ เป็นการปรับปรุงการตกแต่งภายในบ้านที่จากเดิมเป็นสไตล์หนึ่งให้กลายเป็นอีกสไตล์หนึ่งให้ภายในบ้านมีบรรยากาศที่น่าอยู่มากขึ้น
2. เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานในบ้านมากขึ้น บางทีการตกแต่งภายในบ้านแบบเดิมอาจจะไม่ได้สอดคล้องกับการใช้งานของเราในปัจจุบัน จึงต้องมีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมมากขึ้น เพื่อให้เราใช้งานได้อย่างเต็มที่และเหมาะสมกับชีวิตประจำวันของเรามากที่สุด โดยอาจจะเปลี่ยนเป็นวัสดุใหม่ ลดพื้นที่การวาง การหาที่วางของใหม่เพื่อให้เราได้พื้นที่ใช้สอยมากยิ่งขึ้น เป็นต้น
ก่อนออกแบบบ้านเราต้องรู้อะไรบ้าง ?
1. การวางแผนการใช้พื้นที่
ก่อนที่เราจะเริ่มการตกแต่งภายในบ้าน เราจำเป็นต้องมีการวางแผนการใช้งานพื้นที่ให้ดีก่อนไม่งั้นแล้วเราอาจจะต้องมาปรับปรุงและรื้อออกภายหลัง ทำให้เสียทรัพย์เสียเวลาเพิ่มขึ้น ส่วนนี้เราอาจจะไปปรึกษากับบริษัทรับออกแบบบ้านเพื่อให้ช่วยวางแผนให้เราก็ได้
การวางแผนการใช้งานพื้นที่ก็อาจจะวางตามความต้องการของเราหรือวางให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์หรือการใช้ชีวิตประจำวันของเรา เช่น ที่บ้านมีเด็กเล็ก บ้านเป็นครอบครัวใหญ่ หรือบางบ้านอาจจะเป็นแค่คู่รัก 2 ท่าน ซึ่งแต่ละแบบแต่ละประเภทก็มีการใช้งานพื้นที่ที่แตกต่างกันไป
2. ดูขนาดพื้นที่และจุดบอดภายในบ้าน
ต่อมาเราต้องวิเคราะห์ในส่วนของขนาดพื้นที่เพิ่มเติมหรือพิจารณาในด้านข้อจำกัดของโครงสร้างบ้านอีกด้วย เพราะถ้าเราไม่ได้คำนึงถึงส่วนนี้บางทีตกแต่งในบ้านอาจจะไม่พอดีกับตัวบ้านได้เช่น เฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้อาจจะขนาดเล็กเกินไป พื้นที่ส่วนนี้กว้างเกินไปจนไปกินพื้นที่อื่น เป็นต้น
อีกส่วนที่สำคัญคือการดูเรื่องทิศทางของแสงและลม บางบ้านไม่ต้องการให้แสงแดดส่องเข้ามาในบ้านและอยากให้มีลมเข้าบ้านเพื่อถ่ายเทอากาศให้ดีขึ้น การที่เราวางของตกแต่งภายในแล้วไปบังลมก็อาจจะไม่เป็นไปตามความต้องการของเราก็ได้
3. การวางสไตล์การตกแต่งภายในบ้าน
ปัจจุบันสไตล์ของบ้านก็มีเยอะแยะเต็มไปหมด เช่น บ้านที่มีการตกแต่งภายในเป็นสไตล์ญี่ปุ่น การตกแต่งภายในแบบสไตล์โมเดิร์น สไตล์คอนเทมโพลารี สไตล์วินเทจ หรือสไตล์ใดๆ ก็แล้วแต่ มันช่วยเพิ่มความมีสุนทรียภาพในการอยู่อาศัยให้กับเจ้าของได้ไม่น้อย ดังนั้นแล้วเนี่ยการวางสไตล์ของบ้านก็เป็นเหมือนการวาง “Concept” ให้กับตัวบ้านว่าต้องการเป็นแบบใด ซึ่งข้อนี้มันก็จะส่งผลต่อการเลือกวัสดุและเฟอร์นิเจอร์ของเราด้วยเหมือนกัน
แนะนำว่าให้เพื่อนๆ ลองดูสไตล์ที่ชอบพร้อมๆ กับดูวัสดุที่น่าจะเข้ากับสไตล์ของเราไปพร้อมกันเลยก็ได้ เนื่องจากว่าบางทีตัววัสดุอาจจะมีราคาสูงเกินไปเราอาจจะต้องเปลี่ยนสไตล์ภายหลังได้ แต่ถ้าเพื่อนๆ มีคนให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการตกแต่งภายในบ้านอยู่แล้วก็อาจจะปรึกษากับผู้ให้บริการได้เหมือนกัน อย่างบ้านเพื่อนเองก็มีหลายเคสที่ลูกค้าต้องการสไตล์ที่ตัวเองชอบแต่จะให้ทางเราช่วยจัดให้ตามงบประมาณที่มีเราก็ทำได้เหมือนกัน
4. เลือกวัสดุที่เหมาะสม
การเลือกวัสดุที่เหมาะสมสำหรับการออกแบบตกแต่งภายในบ้านนั้นเกิดจากการพิจารณาหลายปัจจัย เช่น สไตล์ของบ้าน การใช้งานของพื้นที่ ความทนทานและการดูแลรักษา ซึ่งเรื่องวัสดุก็มีความสำคัญพอสมควร และแทบจะเป็นเรื่องหลักๆ ของการออกแบบภายในบ้านได้เลย ในปัจจุบันก็ได้มีวัสดุให้เลือกมากมายหลากหลายเกรดหลายคุณภาพ รวมถึงราคาก็มีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับความสวยงามและคุณภาพของวัสดุ ดังนั้นเพื่อนๆ ควรจะเลือกวัสดุที่เหมาะสมกับบ้านและสามารถใช้ได้จริง รวมถึงให้สอดคล้องกับงบประมาณด้วย
แม้ทุกคนจะชอบคุณภาพวัสดุที่ดีที่สุดก็จริง แต่ราคานั้นก็ไม่ได้เบาเลย ดังนั้นเพื่อนๆ อาจจะให้ผู้ที่รับออกแบบตกแต่งภายในหรือปรึกษากับผู้ที่ให้บริการตกแต่งภายในบ้านได้เช่นกัน เพื่อให้ช่วยดูคุณภาพของวัสดุรวมถึงราคาที่ดีที่สุดให้กับเราได้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามเพื่อนๆ ก็ควรจะหาข้อมูลของวัสดุที่เราต้องการไว้ล่วงหน้าก่อน เราจะได้ทราบถึงคุณภาพที่แท้จริงและราคาของมันด้วย
5. กำหนดงบประมาณ
งบประมาณเป็นหัวใจหลักของการปรับปรุงการตกแต่งภายในบ้านซึ่งราคาจะมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสไตล์ของตัวบ้าน วัสดุ ขนาดการใช้พื้นที่ ค่าบริการจ้างนักออกแบบ และส่วนอื่นๆ ส่วนมากแล้วผู้ที่ให้บริการการออกแบบภายในก็จะช่วยคำนวณให้คุณได้เช่นกัน แต่เราเองก็ต้องมีการวางแผนเรื่องงบประมาณที่เรามีอยู่เพื่อที่การออกแบบภายในจะได้ไม่เกินงบของเรา
สรุป
การออกแบบภายในบ้านความจริงไม่ได้มีความซับซ้อนใดๆ มากนักในฝั่งของผู้ว่าจ้าง ปัจจุบันเพียงแค่คุณแจ้งงบประมาณที่ต้องการ สไตล์ของบ้าน วัสดุที่ต้องใช้หากเราคิดไว้แล้ว เท่านี้ก็สามารถไปคุยว่าจ้างให้ตกแต่งภายในบ้านได้แล้ว แต่ทั้งนี้เมื่อถึงเวลาการทำงานทุกขั้นตอน เราก็อยากให้คุณเป็นผู้ที่เข้าไปตรวจสอบดูแลการทำงานอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเวลาเกิดความผิดพลาดในการทำงาน หรือไม่ได้ทำตามแบบที่ตกลงกันไว้จะได้แก้ไขได้อย่างทันท่วงที
ทางด้านบ้านเพื่อนเองก็มีบริการรับตกแต่งภายในบ้านแบบครบวงจร ให้บริการตั้งแต่การให้คำปรึกษา ช่วยเลือกวัสดุ ตีกรอบงบประมาณให้เป็นไปตามความต้องการที่คุณมี พร้อมทั้งทีมงานที่จะดูแลคุณตลอดตั้งแต่เริ่มจนกระทั่งปิดจบงาน นอกจากนี้คุณไม่ต้องห่วงว่าถ้าไม่ได้ไปดูหน้างานแล้วกลัวงานจะเสีย เพราะเรามีแอพพลิเคชั่น “บ้านเพื่อนแทร็กกิ้ง” ให้คุณตรวจสอบงานแบบ Real – Time ได้ตลอด 24 ชั่วโมงเลย