“บ้าน” คือหนึ่งในการลงทุนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของหลายๆ คน ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม หรือคอนโด การซื้อบ้านใหม่เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่ในขณะเดียวกันก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่สำคัญ นั่นก็คือ “การตรวจรับบ้าน”
เจ้าของบ้านมือใหม่หลายคนอาจคิดว่าบ้านที่สร้างเสร็จใหม่จากโครงการต้องสมบูรณ์แบบแล้ว แต่ในความเป็นจริง บ้านทุกหลังมีโอกาสเกิดข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่ในอนาคต เช่น ผนังร้าว พื้นทรุด น้ำรั่ว หรือระบบไฟฟ้าผิดพลาด ซึ่งหากปล่อยให้ปัญหาเหล่านี้หลุดรอดไป อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากเพื่อแก้ไขในภายหลัง
“การตรวจรับบ้าน” จึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญและไม่ควรมองข้าม!
บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจ วิธีตรวจรับบ้านอย่างละเอียดทุกขั้นตอน ตั้งแต่ การเตรียมตัวก่อนตรวจ การเช็กสภาพโครงสร้าง ระบบไฟฟ้า ประปา ไปจนถึงการแจ้งแก้ไขงานอย่างมืออาชีพ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับบ้านที่มีคุณภาพและไม่มีปัญหาตามมาในภายหลัง
1. ทำไมการตรวจรับบ้านจึงสำคัญ?
การตรวจรับบ้านถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนการส่งมอบบ้านจากโครงการหรือผู้รับเหมาให้กับเจ้าของบ้านใหม่ ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญที่เราจะได้ตรวจสอบคุณภาพของตัวบ้านว่ามีจุดบกพร่องหรือไม่ และหากพบปัญหาก็สามารถแจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องทำการแก้ไขก่อนที่จะเซ็นรับมอบบ้าน
หากเจ้าของบ้านไม่ทำการตรวจรับอย่างละเอียด อาจเกิดปัญหาในภายหลัง เช่น รอยร้าว น้ำรั่วซึม หรือปัญหาเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าและประปา ซึ่งอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายซ่อมแซมเอง ทำให้การตรวจรับบ้านอย่างรอบคอบเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
นี่เป็นเพียงแค่ Checklist เบื้องต้นเท่านั้น แนะนำว่าควรจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบเข้ามาตรวจสอบบ้านให้คุณจะดีที่สุด เพราะพวกเขาสามารถระบุจุดที่เป็นปัญหาพร้อมวิธีแก้ปัญหาได้อย่างแม่นยำ
2. เตรียมตัวก่อนตรวจรับบ้าน – สิ่งที่ต้องรู้
ก่อนถึงวันตรวจรับบ้าน เจ้าของบ้านควรเตรียมตัวให้พร้อม โดยมีสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงดังนี้
- ศึกษาแบบแปลนและสัญญาการซื้อขายบ้าน เพื่อเข้าใจว่าสิ่งที่ได้รับต้องเป็นไปตามข้อตกลง
- นัดหมายวันและเวลาในการตรวจรับล่วงหน้า ควรเป็นช่วงกลางวันเพื่อให้มองเห็นรายละเอียดได้ชัดเจน
- จัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น ไฟฉาย ไม้วัดระดับ กล้องถ่ายรูป และสมุดจดบันทึก
หากไม่มั่นใจในความสามารถของตนเอง ควรจ้างผู้เชี่ยวชาญหรือวิศวกรเข้ามาช่วยตรวจสอบ
3. เอกสารสำคัญที่ต้องตรวจสอบ
ในวันตรวจรับบ้าน ควรมีเอกสารสำคัญดังต่อไปนี้เพื่อตรวจสอบรายละเอียดให้ถูกต้อง
สัญญาจะซื้อจะขาย
ดูว่ามีการระบุรายละเอียดของบ้าน ตำแหน่งที่ตั้ง ขนาดพื้นที่ใช้สอย และเงื่อนไขการรับมอบบ้านไว้อย่างถูกต้อง
รายการวัสดุและอุปกรณ์
ตรวจสอบว่าวัสดุที่ใช้ตรงกับที่ระบุในสัญญาหรือไม่ เช่น กระเบื้อง ผนัง ไฟส่องสว่าง
เอกสารรับประกัน
บ้านใหม่ส่วนใหญ่มักมีการรับประกัน เช่น รับประกันโครงสร้าง 5-10 ปี และรับประกันงานระบบ 1-2 ปี ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้รับเอกสารนี้
4. เช็กลิสต์การตรวจรับบ้านภายนอก
พื้นที่ภายนอกบ้านต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีจุดบกพร่องที่อาจส่งผลกระทบต่อการอยู่อาศัยในอนาคต เช่น
- ตรวจสอบสภาพผนังภายนอกว่ามีรอยแตกร้าวหรือไม่
- เช็กสีของบ้านว่าทาเรียบร้อยและไม่มีรอยด่าง
- ตรวจสอบรั้ว ประตูรั้ว และพื้นรอบบ้านว่าก่อสร้างตามมาตรฐาน
- ตรวจสอบการระบายน้ำว่ามีน้ำขังหรือไม่
5. เช็กลิสต์การตรวจรับบ้านภายใน
ภายในบ้านต้องตรวจอย่างละเอียด โดยดูที่
- สภาพพื้น ผนัง ฝ้าเพดาน ต้องไม่มีรอยร้าวหรือรอยน้ำซึม
- ระบบไฟฟ้า เปิด-ปิดไฟทุกจุดเพื่อดูว่ามีปัญหาหรือไม่
- ประตูและหน้าต่างต้องสามารถเปิด-ปิดได้เรียบลื่น ไม่มีเสียงดัง
- ระบบประปา ทดลองเปิดน้ำทุกจุด เช็กแรงดันน้ำ และตรวจสอบการรั่วซึม
6. ระบบไฟฟ้า
ระบบไฟฟ้าเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อความปลอดภัยของการอยู่อาศัย
- มีปลั๊กไฟครบตามที่กำหนดไว้หรือไม่
- เปิดไฟทุกดวงเพื่อดูว่าทำงานปกติหรือไม่
- ตรวจสอบกล่องไฟว่าติดตั้งอย่างถูกต้อง
- ระบบสายดินต้องมีเพื่อความปลอดภัย
7. ระบบประปา
ระบบประปาที่มีปัญหาอาจส่งผลให้เกิดน้ำรั่วซึมหรือน้ำไหลไม่สม่ำเสมอ
- เปิดก๊อกน้ำทุกจุดเพื่อตรวจสอบแรงดันน้ำ
- ดูว่าน้ำไหลแรงหรือมีอาการไหลช้า ตัน หรือมีสิ่งอุดตันในท่อ
- ตรวจสอบวาล์วน้ำหลักและวาล์วแยกว่าหมุนเปิด-ปิดได้ง่ายหรือไม่
- ตรวจหาการรั่วซึมใต้ซิงก์น้ำ ห้องน้ำ และท่อระบายน้ำ โดยสังเกตคราบน้ำหรือความชื้นที่อาจเป็นสัญญาณของปัญหา
- ทดลองกดชักโครกเพื่อตรวจสอบว่าระบบระบายน้ำทำงานได้ดีหรือไม่
- ตรวจสอบเครื่องทำน้ำอุ่น (หากมี) ว่าสามารถใช้งานได้ตามปกติหรือไม่
8. พื้น ผนัง และฝ้าเพดาน
- ตรวจสอบพื้นบ้านว่ามีจุดที่ไม่เรียบ หรือกระเบื้องหลุดร่อนหรือไม่
- เคาะพื้นและผนังเพื่อตรวจสอบเสียงกลวง ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการฉาบปูนไม่แน่น
- สังเกตการต่อรอยของพื้นไม้หรือกระเบื้องว่ามีช่องว่างหรือความไม่เรียบร้อยหรือไม่
- ตรวจรอยแตกร้าวบนผนังและฝ้าเพดาน โดยเฉพาะบริเวณมุมห้องหรือรอยต่อของโครงสร้าง
- เคาะฝ้าเพดานบางจุดเพื่อดูว่ามีเสียงกลวงหรือไม่ ซึ่งอาจหมายถึงการติดตั้งที่ไม่ได้มาตรฐาน
- ตรวจดูร่องรอยคราบน้ำบนฝ้าเพดานซึ่งอาจเกิดจากการรั่วซึมของน้ำฝนหรือระบบท่อ
9. ประตูและหน้าต่าง
- ตรวจสอบการเปิด-ปิดว่าทำได้สะดวกหรือไม่ มีเสียงดัง หรือฝืดหรือเปล่า
- เช็กว่ามีช่องว่างระหว่างบานประตูกับวงกบมากเกินไปหรือไม่
- ทดสอบล็อกและกลอนประตูว่าทำงานได้ดีหรือไม่
- ตรวจดูว่ามียางกันเสียงรอบบานประตูและหน้าต่างเพียงพอหรือไม่
- ใช้ไฟฉายส่องตรวจหารอยรั่วบริเวณขอบหน้าต่างเพื่อดูว่ามีแสงลอดผ่านหรือไม่ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของปัญหาซีลยางเสื่อมคุณภาพ
10. พื้นที่รอบบ้านและสิ่งแวดล้อมโดยรวม
- ตรวจสอบระดับพื้นดินรอบบ้านว่ามีการถมดินที่เหมาะสมหรือไม่
- ดูแนวกำแพงว่าก่อสร้างถูกต้องหรือมีรอยร้าวหรือไม่
- ตรวจสอบระบบระบายน้ำรอบบ้านว่ามีน้ำขังหรือไม่
- สังเกตการจัดสวนและทางเดินรอบบ้านว่ามีความเรียบร้อยและปลอดภัยหรือไม่
- ตรวจสอบบริเวณลานจอดรถว่ามีการก่อสร้างตามมาตรฐาน และไม่มีรอยแตกร้าวของพื้นคอนกรีต
11. ตรวจสอบระบบระบายน้ำและกันซึม
ราดน้ำบนระเบียงและพื้นลานนอกบ้านเพื่อดูว่ามีน้ำขังหรือไม่
ตรวจเช็กท่อระบายน้ำรอบบ้านว่าสามารถระบายน้ำได้ดีหรือไม่
ทดสอบกันซึมในห้องน้ำโดยเปิดน้ำให้ขังไว้ แล้วสังเกตว่าน้ำลดระดับผิดปกติหรือไม่
ฉีดน้ำขึ้นบนหลังคาและขอบหน้าต่าง แล้วตรวจสอบว่ามีน้ำรั่วซึมเข้ามาภายในบ้านหรือไม่
นี่เป็นเพียงแค่ Checklist เบื้องต้นเท่านั้น แนะนำว่าควรจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบเข้ามาตรวจสอบบ้านให้คุณจะดีที่สุด เพราะพวกเขาสามารถระบุจุดที่เป็นปัญหาพร้อมวิธีแก้ปัญหาได้อย่างแม่นยำ
วิธีแจ้งแก้ไขงานและขอปรับปรุง
หากพบปัญหาในการตรวจรับบ้าน เจ้าของบ้านควรทำรายการแจ้งปัญหาเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมแนบรูปถ่ายของจุดที่ต้องแก้ไขเพื่อให้มีหลักฐานชัดเจน จากนั้นควรประสานงานกับโครงการหรือผู้รับเหมาเพื่อนัดหมายการซ่อมแซม โดยกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหา เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้า หลังจากที่มีการซ่อมแซมเสร็จสิ้น ควรทำการตรวจสอบซ้ำอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าปัญหาทั้งหมดได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้องก่อนการเซ็นรับมอบบ้านอย่างสมบูรณ์
ควรตรวจรับบ้านเองหรือจ้างผู้เชี่ยวชาญ?
หากไม่มีความรู้ด้านโครงสร้างหรือระบบบ้าน ควรจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมหรือสถาปัตยกรรมเพื่อช่วยตรวจสอบ การจ้างผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้สามารถตรวจสอบบ้านได้อย่างละเอียดและครบถ้วนในทุกจุด เนื่องจากพวกเขามีเครื่องมือเฉพาะทางที่สามารถตรวจหาปัญหาที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าได้ การใช้บริการผู้เชี่ยวชาญยังช่วยลดความเสี่ยงจากการรับมอบบ้านที่มีข้อบกพร่อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการอยู่อาศัยในระยะยาวได้อีกด้วย
สรุป
การตรวจรับบ้านเป็นขั้นตอนที่สำคัญและไม่ควรมองข้าม เจ้าของบ้านควรเตรียมตัวให้พร้อม และตรวจสอบรายละเอียดทุกจุดให้ครบถ้วน เพื่อให้มั่นใจว่าได้รับบ้านที่มีคุณภาพและไม่มีปัญหาในระยะยาว การจ้างผู้เชี่ยวชาญก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้การตรวจสอบมีความรอบคอบและแม่นยำยิ่งขึ้น
