แชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ อ่านเลย

ในปัจจุบันแนวคิดเรื่องบ้านประหยัดพลังงานก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะด้วยสาเหตุหลายปัจจัยอาทิเช่น ค่าไฟฟ้าแพงมากขึ้น ลดโลกร้อน หรือปัจจัยอื่นๆ ทำให้แนวคิดดังกล่าวเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งวิธีการประหยัดพลังงานยอดนิยมมากในปัจจุบันก็คือ “การติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์” ที่จะช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าให้กับบ้านของเราได้ดีมาก และเมื่อติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์แล้วการดูแลรักษาก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้น รวมถึงเพื่อให้มันทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ แล้วเราจะดูแลมันอย่างไรดีให้มีอายุการใช้งานที่นาน ?

1. การทำความสะอาดแผงโซล่าร์เซลล์

แผงโซล่าร์เซลล์คือแผงวงจรที่จะคอยรับแสงอาทิตย์และนำไปเข้าสู่กระบวนการแปลงแสงอาทิตย์ให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้าเพื่อหมุนเวียนใช้ภายในบ้าน และเป็นพลังงานสะอาด แน่นอนว่าตัวแผงที่เราติดตั้งอยู่บนหลังคาบ้านของเรามันก็จะต้องหนีไม่พ้นเรื่องของการผ่านลมผ่านฝน โดนฝุ่นตลอดเวลา ทำให้คราบสิ่งสกปรกต่างๆ เกาะอยู่ที่ตัวแผงและส่งผลให้ประสิทธิภาพในการผลิตพลังงานของมันลดลงได้เหมือนกัน ดังนั้นแล้วเราควรทำความสะอาดเป็นประจำสม่ำเสมอ เพื่อให้แผงโซล่าร์เซลล์สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและยังช่วยยืดอายุการใช้งานได้

วิธีการทำความสะอาดแผงโซล่าร์เซลล์เบื้องต้นเราอาจจะใช้ฟองน้ำที่มีผิวสัมผัสอ่อนนุ่มและนำไปเช็ดที่แผง ไม่ควรใช้พวกวัสดุที่มีความแข็งในการทำความสะอาดเพราะอาจจะทำให้แผงโซล่าร์เซลล์เสียหายได้ หรือหากไม่มีไม้ที่ยาวพอที่จะทำความสะอาดแผงทั้งหมดบนหลังคาได้ เราก็สามารถใช้สายยางฉีดน้ำใส่แผงโซล่าร์เซลล์เพื่อทำความสะอาดได้เหมือนกัน

ข้อควรระวังเมื่อทำความสะอาดแผงคือห้ามขึ้นไปเหยียบบนแผงโซล่าร์เซลล์โดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายได้ นอกจากนี้การทำความสะอาดควรทำในช่วงเช้าหรือช่วงเย็น เนื่องจากว่าหากเราทำความสะอาดในช่วงแดดแรงจัด เมื่ออุณหภูมิมีการเปลี่ยนแปลงกระทันหันอาจจะส่งผลทำให้แผงโซล่าร์เซลล์เกิดความเสียหายจากการแตกร้าวได้เหมือนกัน

2. ตรวจดูสายไฟต่างๆ

แน่นอนว่าการเอาพลังงานจากแผงโซล่าร์เซลล์มาใช้เป็นกระแสไฟฟ้าภายในบ้านก็จำเป็นจะต้องมีการเชื่อมต่อสายไฟเข้ากับอุปกรณ์ต่างๆ สิ่งที่ต้องทำเป็นประจำสม่ำเสมอเลยก็คือการตรวจสอบการเชื่อมต่อของสายไฟว่ามีจุดชำรุดหรือไม่ การต่อเข้ากับอุปกรณ์แน่นพอหรือไม่ หรือมีจุดไหนที่คุณรู้สึกว่าร้อนเกินไปหรือเปล่า หรือดูว่ามีรอยไหม้เกิดขึ้นที่สายไฟมั้ย หากพบว่าสายไฟมีการเสื่อมสภาพจากการใช้งาน แนะนำว่าให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านแผงโซล่าร์เซลล์เข้ามาตรวจสอบโดยด่วน เพราะถ้าหากว่าเราพบปัญหาทางด้านสายไฟแล้วไม่รีบแก้ไข ก็อาจจะทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรและเกิดเหตุเพลิงไหม้ได้เช่นกัน

แนะนำว่าหากพบสายไฟชำรุดจริงๆ ไม่ควรที่จะจับต้องสายไฟตรงๆ เพราะอาจจะทำให้คุณได้รับบาดเจ็บหรือถูกกระแสไฟฟ้าช็อตได้ ทั้งนี้ควรรีบปิดการทำงานไว้ก่อนและแจ้งผู้เชี่ยวชาญให้เข้ามาดูแล

3. ตรวจสอบการยึดแผงโซล่าร์เซลล์

สำหรับแผงโซล่าร์เซลล์ที่ติดตั้งอยู่บนหลังคานั้นก็อย่างที่เราได้กล่าวไว้คือมันจำเป็นต้องติดอยู่ภายนอกบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการติดอยู่บนหลังคาบ้าน แน่นอนว่าการติดตั้งในตอนแรกก็ต้องมีการใช้น็อตยึดแผงโซล่าร์เซลล์เพื่อไม่ให้

ลมพัดมันปลิว แต่เมื่อเราติดตั้งไว้นานแล้วก็ควรมีการตรวจสอบความแน่นของน็อตที่ยึดกับแผงว่ายังยึดดีหรือไม่ เพราะถ้าหากเราไม่ได้ตรวจสอบแล้วพอเข้าฤดูมรสุมก็อาจจะทำให้แผงโซล่าร์เซลล์ของเราหลุดลอยไปกับลมหรือสร้างความเสียหายให้กับแผงโซล่าร์เซลล์ได้เหมือนกัน นอกจากการตรวจสอบการยึดแผงโซล่าร์เซลล์แล้วก็ตรวจสอบด้วยว่ามีต้นไม้หรือมีอะไรบังแผงโซล่าร์เซลล์ เพราะถ้าหากมันมีอะไรบังก็อาจจะทำให้การทำงานของมันไม่เต็มประสิทธิภาพได้เหมือนกัน

4. การตรวจสอบการผลิตไฟฟ้า

การผลิตไฟฟ้าของแผงโซล่าร์เซลล์เราสามารถตรวจสอบผ่านหน้าจอการแสดงผลหรือแอพพลิเคชั่นได้สำหรับแผงโซล่าร์เซลล์บางรุ่น ทั้งนี้เมื่อมีการติดตั้งใหม่เราควรจะสอบถามเรื่องข้อมูลก่อนว่าการติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์ของเราจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้เท่าไหร่ต่อวัน เพื่อที่ภายหลังเราจะได้ตรวจสอบว่าหากค่าพลังงานที่ได้จากแผงน้อยลงผิดปกติจะได้ทราบว่าอาจจะเกิดปัญหาขึ้นกับแผงโซล่าร์เซลล์ และจะได้รีบปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้แผงโซล่าร์เซลล์กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การที่พลังงานน้อยลงก็มาจากหลายสาเหตุเช่น แดดวันนั้นน้อยจนเกินไป แผงโซล่าร์เซลล์มีฝุ่นเกาะหรือมีสิ่งสกปรกติดอยู่ที่แผงมากเกินไป การที่สายไฟบางจุดเกิดปัญหาขึ้น ฯลฯ อันนี้เพื่อนๆ อาจจะต้องมาเช็คอีกครั้งว่าสรุปแล้วเกิดจากอะไร

5. ตรวจสอบรอยร้าวบนแผงโซล่าร์เซลล์

หากเรามีการทำความสะอาดแผงโซล่าร์เซลล์ แนะนำว่าควรตรวจสอบสภาพของแผงโซล่าร์เซลล์ไปด้วยเลยทีเดียว หากเราพบว่าแผงมีรอยแตกร้าว หรือดูเหมือนว่าเสื่อมสภาพมากเกินไปก็อาจจะทำให้การผลิตไฟฟ้าทำได้น้อยลงและขาดประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก อีกอย่างถ้าหากเข้าช่วงฤดูมรสุมแล้วเกิดฝนตกต่อเนื่องบ่อยครั้งน้ำก็อาจจะซึมเข้ารอยแตกร้าวและส่งผลต่อวงจรภายในของแผงทำให้เกิดความเสียหายได้ด้วยเช่นกัน

6. ตรวจสอบแบตเตอรี่

การตรวจสอบแรงดันไฟฟ้าของแบตเตอรี่เป็นสิ่งที่ช่วยให้สามารถประเมินสภาพของแบตเตอรี่ได้ ควรใช้โวลต์มิเตอร์หรือระบบมอนิเตอร์ที่เชื่อมต่อกับอินเวอร์เตอร์เพื่อตรวจสอบว่าแรงดันไฟฟ้าอยู่ในระดับปกติหรือไม่ หากพบว่าแรงดันไฟฟ้าลดลงผิดปกติ อาจหมายถึงการชาร์จที่ไม่สมบูรณ์หรือมีปัญหาที่ตัวแบตเตอรี่ แน่นอนว่าแบตเตอรี่แต่ละเจ้าหรือรุ่นที่คุณใช้ก็มีความจุหรือแรงดันไฟฟ้าไม่เท่ากัน อันนี้คุณอาจจะต้องสอบถามกับเจ้าที่คุณใช้บริการอยู่

นอกจากเรื่องแรงดันแล้วควรตรวจสอบอุณหภูมิของแบตเตอรี่ด้วยว่ามีอุณหภูมิสูงผิดปกติหรือไม่ หากคุณติดตั้งในที่อากาศถ่ายเทแล้วพบว่ามีอุณหภูมิสูงเกินไป นั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่บอกว่าแบตเตอรี่กำลังทำงานผิดปกติหรือเกิดปัญหาขึ้นกับเซลล์แบตเตอรี่ อันนี้คุณจำเป็นต้องเรียกผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบปัญหา

เพื่อให้ระบบโซล่าร์เซลล์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ การสะสมของฝุ่น ขี้เกลือ หรือสิ่งสกปรกที่ขั้วแบตเตอรี่อาจทำให้เกิดความต้านทานไฟฟ้าเพิ่มขึ้น และอาจส่งผลให้ประสิทธิภาพการชาร์จลดลงหรือเกิดความร้อนสะสมได้ ดังนั้นควรทำความสะอาดเป็นประจำสม่ำเสมอ และคอยสังเกตสิ่งผิดปกติอย่างต่อเนื่อง

7. ตรวจสอบประจำปี

 แนะนำว่าหากคุณติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์ไว้ที่บ้านแล้ว และคุณไม่ได้มีความชำนาญทางด้านการดูแลเรื่องแผงโซล่าร์เซลล์เท่าไหร่นักก็อาจจะเรียกให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบให้คุณทุกปีก็ได้เช่นกัน เพื่อตรวจสอบปัญหาการทำงาน ดูแลเรื่องแบตเตอรี่ หรือซ่อมแซมแผงโซล่าร์เซลล์ที่มีความเสียหายให้กับคุณ แต่ทางเราขอแนะนำว่าควรจะเรียกผู้เชี่ยวชาญเข้ามาก่อนที่จะเข้าฤดูมรสุมจะดีกว่า เพราะหากฝนตกหนักๆ แล้วความเสียหายอาจจะมากตามไปด้วยหากไม่แก้ไขก่อน

สรุป

การดูแลรักษาแผงโซล่าร์เซลล์อย่างสม่ำเสมอไม่เพียงแต่ช่วยให้สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้อย่างเต็มที่ แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงของความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานในระยะยาว หากปฏิบัติตามแนวทางการดูแลที่เหมาะสม แผงโซล่าร์เซลล์จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานคุ้มค่ากับเงินทุกบาททุกสตางค์ที่คุณเสียไปอย่างแน่นอน


แชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ อ่านเลย