แชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ อ่านเลย

การสร้างบ้านเป็นการลงทุนที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเพื่ออยู่อาศัยเอง หรือเพื่อปล่อยขายต่อในอนาคต หลายคนมองว่าบ้านเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามเวลา แต่ความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่ทุกบ้านที่จะสามารถขายต่อได้ราคาสูง หากขาดการวางแผนที่ดีตั้งแต่ต้น การออกแบบ การเลือกทำเล การใช้วัสดุ ไปจนถึงการดูแลรักษาล้วนส่งผลต่อราคาขายต่อทั้งสิ้น

ดังนั้น หากคุณกำลังวางแผนสร้างบ้านและต้องการให้บ้านของคุณเป็นที่ต้องการของตลาดในอนาคต บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาขายต่อของบ้าน รวมถึงเคล็ดลับต่างๆ ที่ช่วยให้คุณสร้างบ้านได้อย่างคุ้มค่าและขายได้ราคาดี

1. ทำเลคือหัวใจสำคัญ

หากพูดถึงปัจจัยที่มีผลต่อราคาบ้านมากที่สุด คงหนีไม่พ้นเรื่องทำเล ไม่ว่าบ้านจะออกแบบมาสวยแค่ไหน หรือใช้วัสดุคุณภาพดีเพียงใด แต่หากอยู่ในทำเลที่ไม่มีศักยภาพ ก็อาจทำให้ราคาขายต่อไม่สูงอย่างที่คาดหวัง

ทำเลที่ดีควรอยู่ในพื้นที่ที่มีความต้องการสูง เช่น ใกล้แหล่งงาน ใกล้สถานศึกษา ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล หรือระบบขนส่งสาธารณะ การพิจารณาว่าทำเลนั้นมีแนวโน้มเติบโตในอนาคตหรือไม่ก็สำคัญ หากเป็นพื้นที่ที่มีโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ทางด่วน รถไฟฟ้า หรือศูนย์การค้าใหม่ ราคาบ้านก็มีโอกาสเพิ่มสูงขึ้น

นอกจากนี้ ควรพิจารณาสิ่งแวดล้อมโดยรอบ เช่น ความปลอดภัยของชุมชน สภาพแวดล้อมที่สะอาด ไม่อยู่ใกล้แหล่งมลพิษ หรือโรงงานที่อาจส่งเสียงดังและมีกลิ่นรบกวน และแนวโน้มในปัจจุบันผู้ที่ซื้อบ้านก็มักจะพิจารณาสิ่งเหล่านี้มากพอสมควร โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย

2. ออกแบบให้เหมาะสม

การออกแบบบ้านให้สวยงามนั้นสำคัญ แต่การออกแบบให้ตอบโจทย์ตลาดและกลุ่มผู้ซื้อเป้าหมายสำคัญกว่า หากคุณต้องการขายบ้านในอนาคต ควรเลือกดีไซน์ที่มีความเป็นกลาง ไม่เฉพาะทางจนเกินไป เช่น การเลือกโทนสีที่ดูสบายตา หรือการจัดวางพื้นที่ภายในให้ใช้งานได้หลากหลาย

บ้านที่ขายได้ราคาดีมักมีการออกแบบที่เรียบง่ายแต่ดูดี สามารถรองรับความต้องการของผู้อยู่อาศัยในหลายช่วงวัย เช่น ห้องนอนที่เพียงพอ ห้องน้ำที่ใช้งานสะดวก หรือพื้นที่ส่วนกลางที่กว้างขวาง หากเป็นไปได้ ควรเผื่อพื้นที่สำหรับการปรับเปลี่ยนในอนาคต เช่น สามารถต่อเติมห้องเพิ่มได้ หรือมีพื้นที่ใช้สอยที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้

หรืออาจจะกำหนดสไตล์ของบ้านในการสร้างเพื่อเป็นการ “คุมโทน” ของบ้านและสร้างความโดดเด่นให้กับบ้านก็ได้เช่น การออกแบบบ้านสไตล์ลอฟท์ มินิมอล ลักซ์ชัวรี่ ฯลฯ ทำให้บ้านทั้งหลังนั้นดูเป็นแนวทางเดียวกัน และไม่ดูสะเปะสะปะจนเกินไปหากไม่มีการคุมโทน

3. ใช้วัสดุคุณภาพดี คงทน แต่ไม่ต้องแพงเกินไป

การเลือกวัสดุเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อราคาขายต่อของบ้าน บ้านที่ใช้วัสดุคุณภาพดีจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา และช่วยให้บ้านดูใหม่อยู่เสมอ ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ซื้อให้ความสำคัญ

อย่างไรก็ตาม การเลือกวัสดุไม่จำเป็นต้องแพงเกินไปจนกระทบต้นทุน ควรเลือกวัสดุที่มีความคุ้มค่าในระยะยาว เช่น กระเบื้องที่ทำความสะอาดง่าย ทนต่อรอยขีดข่วน หรือสีทาบ้านที่มีคุณสมบัติป้องกันเชื้อราและตะไคร่น้ำ

หากเป็นวัสดุภายในบ้าน เช่น พื้น ควรเลือกวัสดุที่ไม่ต้องดูแลมากและมีอายุการใช้งานยาวนาน เช่น พื้นกระเบื้อง พื้นไม้ลามิเนต หรือพื้น SPC ที่ทนทานต่อน้ำและรอยขีดข่วนมากกว่าพื้นไม้จริง

4. บ้านประหยัดพลังงาน

บ้านที่ประหยัดพลังงานเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยเพิ่มมูลค่าบ้านในอนาคต ปัจจุบัน ผู้ซื้อมักให้ความสนใจกับบ้านที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เช่น

  • การออกแบบบ้านให้รับแสงธรรมชาติได้ดี ช่วยลดการใช้ไฟฟ้า
  • การติดตั้งฉนวนกันความร้อน หรือการเลือกใช้หลังคาที่สะท้อนความร้อน
  • การใช้หน้าต่างที่มีคุณสมบัติลดความร้อนจากภายนอก
  • การติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ เช่น โซลาร์เซลล์

บ้านที่มีระบบช่วยประหยัดพลังงานเหล่านี้จะได้รับความนิยมมากขึ้น และมักขายได้ราคาสูงกว่าบ้านทั่วไป

5. ดูแลบ้านให้ใหม่อยู่เสมอ

แม้ว่าบ้านจะสร้างมาหลายปีแล้ว แต่ถ้าดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพดี ก็สามารถขายได้ในราคาสูง บ้านที่ได้รับการดูแลอย่างดีมักมีข้อได้เปรียบในการต่อรองราคา ผู้ซื้อจะรู้สึกมั่นใจว่าซื้อไปแล้วไม่ต้องซ่อมแซมมาก

การดูแลบ้านให้ดูใหม่ควรเริ่มตั้งแต่การซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย เช่น รอยร้าวบนผนัง สีที่ลอก หรือปัญหาระบบไฟฟ้าและประปา นอกจากนี้ การจัดสวนให้ดูร่มรื่น และการทำความสะอาดบ้านให้สะอาดก่อนประกาศขายก็เป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มมูลค่าได้

6. ตั้งราคาขายให้เหมาะสม

แม้ว่าคุณจะสร้างบ้านมาอย่างดี แต่ถ้าตั้งราคาสูงเกินจริงก็อาจทำให้ขายยาก ก่อนตั้งราคาควรศึกษาตลาดบ้านมือสองในบริเวณเดียวกันว่าราคาเฉลี่ยอยู่ที่เท่าไร และประเมินสภาพบ้านของตนเองว่ามีจุดเด่นอะไรที่ทำให้ขายได้ราคาดีกว่าคู่แข่ง

นอกจากนี้ ควรมีความยืดหยุ่นในการต่อรองราคา หากมีผู้สนใจจริง การลดราคาเล็กน้อยเพื่อให้ขายได้เร็วขึ้นอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการตั้งราคาสูงและต้องรอผู้ซื้อเป็นเวลานาน

7. ติดตั้ง Smart Home

การติดตั้งสมาร์ทโฮมภายในบ้านก็ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตภายในบ้านมากขึ้น นอกจากเรื่องความสะดวกสบายแล้ว ยังมีเรื่องความทันสมัยที่หลังๆ มาหลายคนเริ่มให้ความสนใจมากขึ้น พร้อมทั้งการที่ค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายคนจำเป็นจะต้องหาทางเลือกในการประหยัดพลังงานเพิ่มเติม อย่างสมาร์ทโฮมเองเราก็สามารถตั้งค่าให้เปิด – ปิด การทำงานอัตโนมัติหรือตั้งเวลาเพื่อประหยัดพลังงานได้เช่นกัน

อีกประเด็นที่ขาดไม่ได้เลยก็คือเรื่อง “ความปลอดภัย” ที่จำเป็นมากๆ ในปัจจุบัน ซึ่งสมาร์ทโฮมเองก็ยังรวมถึงเรื่องกล้องวงจรปิดด้วยเหมือนกัน ที่สามารถควบคุมผ่านโทรศัพท์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อดูแบบเรียลไทม์ได้ หรือบางรุ่นอาจจะมีฟังก์ชั่นดูตอนกลางคืน หมุน 360 องศาก็มีเช่นกัน

สรุป

การสร้างบ้านให้ขายได้ราคาสูงไม่ใช่เรื่องยาก หากมีการวางแผนตั้งแต่ต้น ตั้งแต่การเลือกทำเล การออกแบบให้เหมาะกับตลาด การใช้วัสดุที่มีคุณภาพ รวมถึงการดูแลรักษาบ้านให้ดูใหม่อยู่เสมอ เมื่อต้องการขายบ้าน ควรตั้งราคาที่เหมาะสม และใช้กลยุทธ์การตลาดที่ดี เพื่อให้สามารถปิดการขายได้ในราคาที่ดีที่สุด


แชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ อ่านเลย