แชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ อ่านเลย

เมื่อถึงหน้าร้อนในประเทศไทย บ้านหลายหลังแทบจะกลายเป็นเตาอบ ความร้อนที่สะสมมาตลอดทั้งวันทำให้ชีวิตในบ้านไม่สบายเอาเสียเลย คนส่วนใหญ่จึงพยายามหาวิธีต่าง ๆ เพื่อคลายร้อน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดแอร์ เปิดพัดลม ใช้ม่านกันแสง หรือแม้แต่เปลี่ยนวัสดุก่อสร้างบางอย่าง แต่คุณรู้หรือไม่ว่า บางวิธีที่เราคิดว่า “ช่วยให้บ้านเย็นขึ้น” นั้น ที่จริงแล้วอาจเป็นความเข้าใจผิด หรือบางกรณีก็ยิ่งทำให้ร้อนกว่าเดิมซะอีก!

ในบทความนี้เราจะพาคุณไปดู “10 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการทำให้บ้านเย็นลง” ที่คนไทยหลายคนเข้าใจผิดกันอยู่ พร้อมอธิบายว่าความจริงคืออะไร และเราควรทำอย่างไรแทน เพื่อให้บ้านเย็นลงจริง ๆ โดยไม่เปลืองเงินและพลังงานโดยไม่จำเป็น

1. เปิดหน้าต่างไว้ทั้งวัน ช่วยให้อากาศถ่ายเทดี บ้านจะเย็น

ความเชื่อนี้ดูเหมือนจะมีเหตุผล เพราะเมื่อเราเปิดหน้าต่าง อากาศจากภายนอกจะเข้ามาแทนที่อากาศร้อนในบ้าน และดูเหมือนจะช่วยให้บ้านรู้สึกเย็นขึ้น แต่ความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้นโดยเฉพาะในช่วงกลางวันที่แสงแดดแรงมากและอุณหภูมิภายนอกสูงกว่าภายในบ้าน การเปิดหน้าต่างไว้ทั้งวันจะยิ่งทำให้อากาศร้อนจากภายนอกไหลเข้ามาในบ้านอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภายในบ้านยิ่งอบอ้าวมากขึ้นแทนv

ทางที่ดีควรเปิดหน้าต่างเฉพาะในช่วงเวลาเช้าตรู่หรือหลังพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อุณหภูมิภายนอกต่ำกว่าในบ้าน อากาศเย็นจากภายนอกจะเข้ามาแทนที่อากาศร้อนภายในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากต้องการให้อากาศหมุนเวียนระหว่างวัน ควรใช้พัดลมหรือเครื่องฟอกอากาศแทน และปิดหน้าต่างไว้พร้อมกับใช้ม่านกันแสง หรือฟิล์มกรองแสงที่ช่วยสะท้อนรังสีความร้อนออกจากกระจกหน้าต่าง

2. ทาสีเข้ม ๆ จะช่วยกันความร้อนได้ดี

บางคนเชื่อว่าสีเข้ม เช่น สีดำ สีเทาเข้ม หรือสีน้ำเงินเข้ม สามารถดูดซับความร้อนแล้วไม่ปล่อยเข้าไปในบ้าน ซึ่งในทางวิทยาศาสตร์แล้วไม่ถูกต้องเลย สีเข้มมีคุณสมบัติดูดซับพลังงานความร้อนได้มากกว่าสีอ่อน ส่งผลให้พื้นผิวบ้านที่ทาด้วยสีเข้มจะดูดความร้อนไว้และถ่ายเทเข้าภายในบ้านในภายหลัง ทำให้ภายในบ้านร้อนสะสมได้มากขึ้น

การเลือกใช้สีอ่อน เช่น สีขาว สีครีม หรือสีฟ้าอ่อน ที่สามารถสะท้อนแสงแดดได้ดี จะช่วยลดปริมาณความร้อนที่เข้าสู่ตัวบ้านได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในบริเวณที่โดนแสงแดดโดยตรง เช่น ผนังภายนอก หลังคา และประตูหน้าต่าง หากอยากให้บ้านดูทันสมัยด้วยสีเข้ม ก็อาจเลือกใช้ในพื้นที่ที่ไม่ได้รับแสงโดยตรง หรือใช้ร่วมกับฉนวนกันความร้อนภายในเพื่อลดผลกระทบ

3. เปิดพัดลมแล้วเปิดหน้าต่างไว้พร้อมกัน อากาศจะเย็น

การเปิดพัดลมกับหน้าต่างพร้อมกันดูเหมือนจะช่วยให้อากาศหมุนเวียนและลดความร้อน แต่ในช่วงกลางวันที่อุณหภูมิภายนอกสูงกว่าภายในบ้าน การกระทำเช่นนี้อาจทำให้อากาศร้อนจากภายนอกไหลเวียนเข้ามาแทนที่อากาศภายใน ทำให้รู้สึกร้อนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่มีลมธรรมชาติช่วยพัดผ่าน

พัดลมมีหน้าที่หลักในการระบายอากาศและช่วยให้รู้สึกเย็นขึ้นเมื่ออากาศสัมผัสกับผิวหนัง แต่มันไม่ได้ลดอุณหภูมิห้องโดยตรง ดังนั้น หากเปิดพัดลมในห้องที่อากาศร้อนอยู่แล้ว แถมยังเปิดหน้าต่างรับลมร้อน ก็จะยิ่งทำให้ไม่มีประสิทธิภาพ วิธีที่แนะนำคือ ปิดหน้าต่างให้มิด ใช้ม่านกันความร้อน และเปิดพัดลมในห้องปิดทึบ พร้อมกับการวางถ้วยน้ำแข็งหรือผ้าชุบน้ำเย็นหน้าใบพัดเพื่อช่วยกระจายไอเย็นภายในห้องได้บ้าง

4. แค่ใช้ม่านผ้าหนา ๆ ก็บังแดดได้แล้ว

แม้ม่านผ้าหนา ๆ จะช่วยบังแสงแดดได้ในระดับหนึ่ง แต่ความร้อนจากรังสีอินฟราเรดยังคงทะลุผ่านกระจกและม่านหนาได้อยู่ดี ทำให้ภายในห้องร้อนอบอ้าวจากพลังงานความร้อนที่สะสมตามเวลา วิธีที่มีประสิทธิภาพมากกว่าคือการใช้ม่านกันความร้อนโดยเฉพาะ เช่น ม่านที่เคลือบสารสะท้อนรังสี หรือม่านสองชั้นที่ชั้นหนึ่งเป็นม่านโปร่งรับแสงธรรมชาติ และอีกชั้นเป็นม่านทึบป้องกันความร้อน

นอกจากนี้ การติดฟิล์มกรองแสงหรือฟิล์มกันความร้อนที่กระจกจะช่วยลดปริมาณรังสีความร้อนที่เข้าสู่ภายในห้องได้มาก ฟิล์มที่ดีควรสามารถกรองรังสี UV ได้ถึง 99% และลดรังสีอินฟราเรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยรักษาอุณหภูมิในบ้านให้คงที่มากขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศหนักเกินไป

5. ปลูกต้นไม้ในบ้านมาก ๆ จะทำให้บ้านเย็นขึ้น

ต้นไม้มีบทบาทในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับอากาศ และบางชนิดยังสามารถช่วยดูดซับสารพิษหรือกรองอากาศได้ อย่างไรก็ตาม การปลูกต้นไม้ในบ้านมากเกินไป โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่ถ่ายเท อาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี เช่น ความชื้นสะสมที่อาจก่อให้เกิดเชื้อรา หรือกลิ่นอับจากดินและรากต้นไม้ นอกจากนี้ ต้นไม้บางชนิดยังปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในตอนกลางคืน ซึ่งอาจไม่เหมาะกับพื้นที่แคบ เช่น ห้องนอนหรือห้องปิดทึบ

วิธีที่เหมาะสมคือเลือกปลูกต้นไม้ขนาดกลางหรือขนาดเล็กในตำแหน่งที่เหมาะสม เช่น บริเวณริมหน้าต่าง ระเบียง หรือพื้นที่ที่มีแสงธรรมชาติพอเหมาะ ต้นไม้ที่แนะนำสำหรับปลูกในบ้านได้แก่ ลิ้นมังกร พลูด่าง เดหลี หรือว่านหางจระเข้ ซึ่งช่วยเพิ่มความชื้นเล็กน้อยแต่ไม่ก่อให้เกิดความอับชื้น และยังดูแลรักษาง่าย

6. เปิดแอร์อุณหภูมิต่ำ ๆ จะเย็นเร็วและประหยัดไฟ

การตั้งอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศให้ต่ำ เช่น 18 องศาเซลเซียส โดยหวังว่าจะทำให้บ้านเย็นเร็วขึ้นและเย็นจัดนั้นเป็นความเข้าใจผิด เพราะความเร็วในการทำความเย็นของแอร์ขึ้นอยู่กับกำลังของเครื่อง (BTU) และขนาดของห้อง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิที่ตั้งไว้ และการตั้งอุณหภูมิต่ำมากจะทำให้คอมเพรสเซอร์ของแอร์ทำงานอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดพัก ส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังงานอย่างมาก

อุณหภูมิที่แนะนำคือระหว่าง 25–26 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ให้ความรู้สึกเย็นสบายและเหมาะสมต่อสุขภาพ อีกทั้งยังช่วยให้คอมเพรสเซอร์หยุดพักเป็นช่วง ๆ ช่วยประหยัดไฟฟ้ามากขึ้น หากต้องการให้เย็นเร็ว ควรเปิดพัดลมช่วยกระจายลมเย็น และตรวจสอบการปิดผนังห้องให้สนิท เพื่อลดการรั่วไหลของอากาศเย็น

7. ฉนวนกันความร้อนติดตั้งไว้ในหลังคาเท่านั้นก็พอแล้ว

เป็นความเชื่อที่พบได้บ่อย โดยหลายคนเข้าใจว่าการติดฉนวนกันความร้อนไว้เฉพาะบนฝ้าเพดานใต้หลังคาเพียงพอแล้ว ซึ่งในความเป็นจริง แม้ว่าหลังคาจะเป็นจุดที่รับแสงแดดโดยตรงและมีผลมากที่สุดต่อความร้อนในบ้าน แต่ผนังบ้านโดยเฉพาะด้านทิศตะวันตกและทิศใต้ก็รับแสงแดดไม่แพ้กัน การที่ผนังไม่มีฉนวนหรือวัสดุป้องกันความร้อน จะทำให้ความร้อนสะสมและส่งผ่านเข้าสู่ตัวบ้านได้ตลอดทั้งวัน

ทางเลือกที่ดีกว่าคือ การติดฉนวนกันความร้อนทั้งหลังคาและผนัง เช่น ผนังเบาที่มีฉนวนภายใน หรือการทาผนังด้วยสีสะท้อนความร้อน (Cool Paint) รวมถึงการใช้วัสดุกรุผนังเพิ่มเติมอย่างอลูมิเนียมฟอยล์หรือแผ่นสะท้อนรังสี เพื่อให้การกันร้อนมีประสิทธิภาพรอบด้าน ช่วยรักษาอุณหภูมิในบ้านให้เย็นสม่ำเสมอมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนที่แดดจัดต่อเนื่องตลอดวัน

8. ใช้แผ่นหลังคาสีเงินหรืออลูมิเนียมจะช่วยสะท้อนความร้อนดีที่สุด

แม้ว่าแผ่นหลังคาอลูมิเนียมหรือสีเงินจะมีคุณสมบัติสะท้อนความร้อนได้ดีในระดับหนึ่ง แต่หากไม่มีระบบระบายความร้อนที่ดี เช่น ช่องลมใต้หลังคา หรือการติดตั้งฉนวนรองหลังคา ก็ไม่สามารถป้องกันความร้อนสะสมภายในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในหลายกรณีแผ่นอลูมิเนียมที่สะท้อนความร้อนกลับทำให้ภายในหลังคากลายเป็นเตาอบ เพราะความร้อนที่สะท้อนกลับยังคงกักอยู่ภายในระบบหลังคาและแผ่ซึมลงมายังห้องใต้หลังคาในภายหลัง

สิ่งที่ควรให้ความสำคัญคือการวางระบบระบายอากาศใต้หลังคา เช่น การติดตั้งพัดลมระบายอากาศหลังคา (Roof Ventilation Fan), การมีช่องลมเข้าออกใต้ชายคา (Eave Vent) รวมไปถึงการใช้วัสดุกันความร้อนร่วมกับการออกแบบหลังคาให้มีมุมลาดเอียงและระบายอากาศได้ดี เพื่อไม่ให้ความร้อนสะสมกลายเป็นกับดักพลังงานร้อนภายในบ้าน

9. ยิ่งใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าน้อย จะยิ่งเย็นขึ้น

แม้ว่าการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าน้อยลงจะลดการสร้างความร้อนจากอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ไมโครเวฟ เตารีด หรือเตาไฟฟ้า แต่ไม่ได้หมายความว่าการปิดอุปกรณ์ทั้งหมดจะทำให้บ้านเย็นลงอย่างมีนัยสำคัญ ถ้าระบบระบายอากาศไม่ดี หรือมีความร้อนแทรกจากภายนอกตลอดวัน บ้านก็จะยังร้อนเหมือนเดิม

นอกจากนี้ ในบางกรณีการพยายามไม่ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยลดอุณหภูมิ เช่น พัดลม หรือเครื่องดูดอากาศ อาจทำให้บ้านร้อนและอบอ้าวมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ ทางที่ดีควรใช้ไฟฟ้าอย่างฉลาด เลือกเครื่องใช้ที่ประหยัดพลังงาน เช่น พัดลมไอเย็น เครื่องปรับอากาศเบอร์ 5 และพยายามใช้อุปกรณ์ที่มีระบบตั้งเวลา เพื่อควบคุมการใช้งานให้อยู่ในช่วงที่จำเป็นจริง ๆ และไม่เปลืองไฟโดยไม่จำเป็น

10. บ้านที่มีช่องลมมาก ๆ จะช่วยให้เย็นตลอดวัน

ความเชื่อนี้มีส่วนจริงเพียงบางเวลา เพราะการมีช่องลมหลายจุดจะช่วยให้อากาศหมุนเวียนได้ดี เฉพาะในช่วงที่อุณหภูมิภายนอกเย็นกว่าอุณหภูมิในบ้าน เช่น ตอนเช้าหรือค่ำคืน แต่หากเป็นช่วงกลางวัน โดยเฉพาะบ่ายถึงเย็น ช่องลมจำนวนมากอาจกลายเป็นช่องทางให้ความร้อนจากภายนอกไหลเข้าสู่บ้านอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหากช่องลมเหล่านั้นไม่มีระบบบังแดดหรือไม่มีฉนวน

แนวทางที่เหมาะสมคือการออกแบบช่องลมให้สามารถเปิด-ปิดได้ตามช่วงเวลา เช่น ใช้บานหน้าต่างแบบปรับมุม (Louver) ติดตั้งม่านม้วนกันความร้อน หรือใช้ไม้ระแนงบังแสงด้านนอก เพื่อควบคุมการถ่ายเทอากาศในช่วงที่เหมาะสม และป้องกันไม่ให้แสงแดดส่องตรงเข้าบ้านตลอดทั้งวัน จะช่วยให้บ้านเย็นลงจริงในระยะยาวมากกว่าการเปิดช่องลมทิ้งไว้ทั้งวัน

สรุป

เมื่อพูดถึงการทำให้บ้านเย็นลง หลายคนมักพึ่งพาวิธีที่เคยได้ยินหรือเห็นตามโซเชียล โดยไม่ทันได้ตรวจสอบว่า “จริงหรือไม่?” ความเชื่อผิด ๆ เหล่านี้นอกจากจะไม่ช่วยให้บ้านเย็นขึ้น ยังอาจทำให้เสียพลังงานและค่าไฟฟ้าไปโดยเปล่าประโยชน์

การเข้าใจธรรมชาติของแสงแดด ความร้อน และระบบการไหลเวียนของอากาศภายในบ้าน คือกุญแจสำคัญในการออกแบบบ้านให้อยู่สบายตลอดปี โดยเฉพาะในประเทศเขตร้อนแบบไทยเรา หากเราเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ และวิธีการที่เหมาะสม พร้อมกับปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กน้อยในชีวิตประจำวัน บ้านของเราก็สามารถเย็นสบายขึ้นได้จริง โดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา


แชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ อ่านเลย