แชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ อ่านเลย

ในยุคนี้การขายของออนไลน์มีบทบาทอย่างมากในประเทศ และน่าจะมีการขยายตัวของตลาดอยู่เรื่อยๆ ซึ่งแต่ละวันก็จะมีพ่อค้าแม่ค้าหน้าใหม่เกิดขึ้นทุกวัน หรือมีกิจการที่ขายดีมากขึ้นก็จำเป็นจะต้องสต็อกของและไม่ใช่แต่เพียงพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เท่านั้นที่ต้องพิจารณาเรื่องโกดังสินค้า แต่ในระดับธุรกิจเองก็ต้องมีการทำโกดังสินค้าด้วยเหมือนกัน เรามาดูกันดีกว่าว่าก่อนที่เราจะเช่าหรือทำโกดังต้องรู้อะไรบ้าง

1. สถานที่ (Location)

สิ่งสำคัญอันดับแรกก่อนที่เราจะเริ่มทำโกดังสินค้าเป็นของตัวเองหรือจะเช่าโกดังก็ตาม เรื่องสถานที่เป็นสิ่งที่เราต้องพิจารณาอันดับแรกเพราะมันมีหลายปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจของเราสามารถดำเนินได้อย่างไม่มีติดขัด หลักๆ ประโยชน์ของสถานที่ในการเลือกสร้างหรือเช่าโกดังอาทิเช่น หากเราเลือกสถานที่ที่สามารถเชื่อมต่อกับการขนส่งที่หลากหลายได้ เช่น การขนส่งทางเรือ เครื่องบิน ขนส่งสาธารณะ ฯลฯ หากไม่สามารถเลือกสถานที่ใกล้ขนส่งเหล่านี้ก็อาจจะต้องพิจารณาในเรื่องเส้นทางการขนส่งอีกด้านหนึ่งด้วย

เรื่องสถานที่ในการจัดตั้งโกดังนั้นประโยชน์ของมันเยอะมากๆ ทั้งการส่งมอบสินค้าได้ทันเวลา สะดวกในการจัดส่ง แถมช่วยลดต้นทุนในการจัดส่งให้ถูกลงได้ด้วย

2. ต้นทุนของโกดัง

ต้นทุนของโกดังแบบเช่าหรือสร้างโกดังเองก็มีความแตกต่างกันไปซึ่งส่วนนี้เราต้องคิดให้รอบคอบ ในด้านของการที่เราเลือกทำโกดังสินค้าเองมันก็จะมีต้นทุนที่สูงกว่าเช่าอยู่แล้วอย่างที่หลายๆ คนทราบ แต่มันก็มีข้อดีตรงที่ว่ามีความยืดหยุ่นสามารถปรับแต่งโกดังได้ตามความต้องการของผู้สร้างเอง นอกจากนี้ยังไม่มีค่าสัญญาผูกมัดในการทำโกดัง และถ้าภายหลังเราต้องการย้ายโกดังเราก็สามารถเปลี่ยนสินทรัพย์ตรงนี้ไปให้เช่าเพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติมและเสริมสภาพคล่องเหมือนกับที่หลายๆ ธุรกิจทำ

ในด้านของการเช่าโกดังก็จะมีค่าใช้จ่ายไม่เยอะเท่ากับการสร้างโกดังก็จริง แต่มันจะมีรายจ่ายแบบยิบย่อยเพิ่มขึ้นมาเต็มไปหมดทั้งค่าน้ำค่าไฟ ค่าดูแลโกดัง ค่าพนักงานดูแล ค่าส่วนกลาง แถมบางครั้งก็ไม่มีโกดังที่ตรงกับความต้องการจริงๆ ของเราก็ทำให้เลือกไม่ได้ ดังนั้นระหว่างเช่าหรือสร้างโกดังสุดท้ายก็ต้องมาดูที่งบประมาณและแผนธุรกิจของเราด้วยเหมือนกันว่าแบบไหนเหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด

3. วางแผนการใช้งานโกดังให้ดี

ในด้านนี้ก็จำเป็นจะต้องวางแผนให้ดี เพราะถ้าหากเรามีความต้องการใช้งานโกดังแล้วเลือกขนาดที่ใหญ่หรือเล็กเกินไป ก็อาจจะทำให้เราต้องมีการลงทุนเพิ่มโดยใช่เหตุ เพราะถ้าเราทำโกดังเล็กเกินไปก็อาจจะรองรับสินค้าได้ไม่หมด และเราต้องเช่าโกดังเพิ่มเปลืองงบประมาณเข้าไปอีก

รวมถึงถ้าใหญ่เกินไปก็เป็นการลงทุนโดยเปล่าประโยชน์ ยกเว้นแต่ว่าแพลนในอนาคตอันใกล้อาจจะต้องใช้พื้นที่เยอะอันนั้นเราก็ไม่ว่ากัน ดังนั้นในการวางแผนทั้งสำหรับคนที่ต้องการสร้างโกดังสินค้าเป็นของตัวเองหรือต้องการเช่าก็จะต้องเลือกและวางแผนโกดังให้ดี

ส่วนนี้มันจะช่วยให้เราประหยัดงบประมาณไปได้เยอะพอสมควร ทางบ้านเพื่อนเองก็สามารถออกแบบโกดังสร้างโกดังสินค้าให้เหมาะสมกับงบประมาณของคุณได้ ทั้งการออกแบบตามงบประมาณ เลือกวัสดุที่ดีที่สุดในราคาคุ้มค่าที่สุด พร้อมทั้งให้คำแนะนำตลอดทั้งก่อนและหลังการทำงาน

4. ดูเรื่องความปลอดภัยของโกดัง

ปัญหาของโกดังหลายๆ แห่งไม่ว่าจะสร้างขึ้นเองหรือเช่าไว้สำหรับเก็บสินค้าล้วนแล้วแต่จะเจอปัญหาไม่ต่างกัน ส่วนมากแล้วมักจะพบเจอเรื่องสินค้าหายอยู่บ่อยๆ หรือถูกขโมยเข้ามาขโมยสินค้าในโกดังบ้างก็มี

ในจุดนี้ดูเหมือนว่าหลายธุรกิจก็ให้ความสำคัญไม่น้อยเพราะสินค้าบางชิ้นอาจจะมีมูลค่าสูง ดังนั้นเราจะต้องมีการพิจารณาเรื่องความปลอดภัยให้กับโกดังของเราด้วยเช่น การติดกล้อง CCTV หรือบางแห่งอาจจะลงทุนด้านเทคโนโลยีเพิ่มเติมโดยการใช้ระบบตรวจจับและแจ้งเตือน เมื่อพบคนที่เข้าไปพื้นที่ต้องห้าม หรือพบบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในโกดังโดยแจ้งเตือนผ่านโทรศัพท์หรืออีเมล

อีกเรื่องที่คุณต้องให้ความสำคัญคือการดูแลคลังสินค้าเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม เกิดเหตุเพลิงไหม้ หรือเหตุการณ์อะไรก็แล้วแต่ เราจำเป็นต้องมีแผนสำรองเพื่อรับมือสิ่งเหล่านี้ด้วย ฉะนั้นเรื่องความปลอดภัยของโกดังก็มีส่วนสำคัญต่อการพิจารณาเรื่องการสร้างโกดังหรือการเช่าโกดังด้วยเหมือนกัน

5. ลองพิจารณาจากเขตการค้าเสรี

ในประเทศไทย มีเขตการค้าที่ได้รับยกเว้นภาษีหลายแห่ง ซึ่งบางส่วนได้รับการยกเว้นเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่นั้น หรือเพื่อสนับสนุนธุรกิจในกลุ่มหรือประเภทที่เฉพาะเจาะจง ตัวอย่างเขตการค้าที่ได้รับยกเว้นภาษีในไทยรวมถึงไม่จำกัดอยู่ที่ต่อเขตเดียว แต่อาจจะแตกต่างไปตามนโยบายและกฎหมายของแต่ละรัฐบาลในแต่ละช่วงเวลา รวมถึงสภาพเศรษฐกิจและความต้องการของประชาชนในยามนั้นด้วย

ตัวอย่างเขตการค้าที่ได้รับยกเว้นภาษีในประเทศไทยได้แก่

– เขตการค้าเสรี (Free Trade Zone) เขตการค้าที่สร้างขึ้นเพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศโดยการยกเว้นหรือลดอัตราภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าและบริการที่เข้ามาในเขตดังกล่าว

– เขตเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zone – SEZ) เขตที่ได้รับการกำหนดเพื่อส่งเสริมการลงทุนและพัฒนาทางเศรษฐกิจในพื้นที่นั้น ๆ โดยมักจะมีการยกเว้นหรือลดอัตราภาษีและมีการให้สิทธิพิเศษต่าง ๆ แก่ผู้ลงทุน

– เขตการค้าระหว่างประเทศ (Border Trade Zone) เขตที่ตั้งอยู่บริเวณชายแดนระหว่างประเทศ มักมีการยกเว้นหรือลดอัตราภาษีเพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

– เขตอุตสาหกรรม (Industrial Estate) เขตที่มีการจัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนธุรกิจอุตสาหกรรม มักมีการยกเว้นหรือลดอัตราภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม

อย่างไรก็ตาม การยกเว้นภาษีและเงื่อนไขอื่น ๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามนโยบายของรัฐบาลและกฎหมายในแต่ละช่วงเวลา ดังนั้น ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือจากที่แหล่งที่มาที่เป็นทางการก่อนทำการลงทุนหรือการค้าในเขตการค้าที่มีการยกเว้นภาษีใด ๆ ในประเทศไทย


แชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ อ่านเลย