สำหรับหลายๆ คนที่มีแผนการสร้างบ้านเป็นของตัวเองโดยที่ไม่ต้องการซื้อบ้านตามโครงการที่สำเร็จแล้วก็จำเป็นจะต้องจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างเพื่อช่วยในการสร้างบ้านให้เป็นไปตามความต้องการของเรา แต่ปัญหาคือการจะหาผู้รับเหมาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของเรานั้นไม่ได้ง่าย และวันนี้เราจะมาดูกันว่าก่อนจ้างนั้นเราจะต้องรู้และระวังเรื่องใดบ้าง
ก่อนจ้างผู้รับเหมาก่อสร้าง ต้องรู้อะไรบ้าง
1. สัญญาการรับเหมาก่อสร้าง

ก่อนที่เราจะทำอะไรก็ตามที่มีมูลค่าสูงระหว่างทั้งสองฝ่าย สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ “สัญญาจ้าง” ที่จะช่วยป้องกันทั้งฝ่ายที่ว่าจ้างเองรวมถึงผู้ที่รับงานว่าจ้างด้วย โดยเป็นการกำหนดเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อให้รับทราบทั้งสองฝ่าย ในกรณีนี้เป็นการรับเหมาก่อสร้างก็เพื่อให้ดำเนินงาน ระยะเวลา รูปแบบบ้านเป็นไปตามข้อตกลงจนกว่าจะแล้วเสร็จ ในส่วนนี้เราต้องระบุให้ครบถ้วนทุกข้อเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นภายหลัง ข้อหลักๆ ที่ต้องมีสัญญาดังนี้
– ระบุวันเดือนปีและสถานที่ของสัญญา เพื่อระบุว่าสัญญาดังกล่าวเริ่มต้นเมื่อไหร่ และอายุสัญญามีกี่ปี
– รายละเอียดของผู้รับเหมาก่อสร้างและผู้ว่าจ้าง ไม่ว่าจะเป็นชื่อหรือบริษัทของทั้งสองฝ่าย รายละเอียดที่อยู่ และข้อมูลอื่นๆ ที่แสดงถึงตัวตนของทั้งสองฝ่ายอย่างถูกต้องและสามารถตรวจสอบได้ อย่างของผู้รับเหมาก่อสร้างก็อาจจะเป็นชื่อบริษัทและที่อยู่ ส่วนของผู้ว่าจ้างถ้าไม่ได้ทำในนามบริษัทก็ใช้บัตรประชาชนที่ออกโดยหน่วยงานราชการมาเขียนระบุลงในสัญญาได้เช่นกัน
– รายละเอียดขอบเขตการทำงาน ส่วนนี้ต้องมีระบุและเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งโดยมันจะเป็นการระบุถึงขอบเขตการทำงาน รูปแบบการก่อสร้างบ้าน สถานที่การก่อสร้าง เป็นต้น ส่วนนี้ต้องระบุให้ละเอียดเพราะทางฝั่งผู้รับเหมาเองก็จะได้ก่อสร้างตามสัญญาที่ระบุไว้ นอกจากนี้ในฝั่งของผู้ว่าจ้างเองก็สามารถตรวจสอบได้ว่าการก่อสร้างนั้นเป็นไปตามสัญญาที่ได้ระบุไว้หรือไม่ หากไม่ได้มีการสร้างตามที่ได้ระบุไว้ในสัญญาก็สามารถแย้งได้ บางคนอาจจะมีระบุไว้ถึงสเปคของบ้าน สเปคของวัสดุด้วยเหมือนกัน
– รายละเอียดการชำระเงิน ในการว่าจ้างการทำงานเราสามารถตกลงกับฝั่งผู้รับเหมาก่อสร้างได้ว่าจะจ่ายเงินอย่างไร จะจ่ายเป็นรายงวด จ่ายเป็นก้อน การชำระเงินมัดจำก่อนการเริ่มงาน หรือจ่ายเงินทั้งหมดหลังจากทำงาน อันนี้ก็แล้วแต่การตกลงแต่ควรมีระบุในสัญญา
– การรับผิดชอบทั้งฝั่งของผู้ว่าจ้างและผู้รับเหมาก่อสร้าง ข้อนี้ก็ควรระบุเช่น หากมีส่วนที่ต้องการก่อสร้างเพิ่มเติมนอกเหนือจากแบบแปลนบ้านก็ควรระบุลงในสัญญาจะได้เป็นที่เข้าใจของทั้งสองฝ่ายและต้องได้รับการยินยอมจากทั้งสองฝ่ายด้วย

– เรื่องวัสดุก่อสร้าง หากผู้รับเหมาก่อสร้างไม่สามารถหาวัสดุได้ตามกำหนด อาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงวัสดุตามที่ผู้ว่าจ้างต้องการ หรือถ้าไม่มีการแจ้งล่วงหน้าให้กับผู้ว่าจ้าง ผู้ว่าจ้างก็มีสิทธิปฏิเสธการรับงานหรือการจ่ายเงินได้เช่นกัน
– การแก้ไข ส่วนนี้ก็ควรรระบุไว้เช่นกันหากเกิดความผิดพลาดในการก่อสร้างขึ้น เช่น การก่อสร้างไม่ตรงตามแบบ ไม่ตรงตามมาตรฐานการก่อสร้างหรือหลักวิศวกรรม ทางฝั่งผู้รับเหมาก่อสร้างจำเป็นจะต้องแก้ไขให้ถูกต้อง หากไม่สามารถแก้ไขได้ ผู้ว่าจ้างก็มีสิทธิที่จะปฏิเสธการรับงานหรือการจ่ายเงินได้
– การประกันคุณภาพของงาน ส่วนนี้ก็ต้องระบุไว้เพื่อเป็นการป้องกันทั้งฝั่งผู้รับเหมาก่อสร้างและผู้ว่าจ้างเอง อาจจะรับประกันคุณภาพงานกี่ปีก็แล้วแต่ทั้งสองฝ่ายจะตกลง หรือจะเพิ่มเงื่อนไขว่าหากมีการต่อเติมจนผิดหลักการก่อสร้างก็อาจจะสิ้นสุดการรับประกันได้เช่นกัน อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับข้อตกลงทั้งสองฝ่าย
– การยกเลิกสัญญา ส่วนนี้ก็ต้องระบุว่าหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำผิดสัญญาก็ต้องมีการรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น
อันนี้ก็เป็นสัญญาการรับเหมาก่อสร้างคร่าวๆ ซึ่งจะเพิ่มหรือลดก็ขึ้นอยู่กับการตกลงของทั้งสองฝ่าย อันนี้เราสามารถใช้ฝ่ายกฎหมายช่วยตรวจสอบสัญญาได้ อย่างบ้านเพื่อนเองก็มีการทำสัญญารับเหมาก่อสร้างเช่นกันเพื่อความมั่นใจของฝั่งผู้ว่าจ้างและไม่ต้องกังวลว่าจะเจอเหตุการณ์ผู้รับเหมาทิ้งงานเหมือนกับที่อื่นๆ
2. การตรวจสอบประวัติผู้รับเหมาก่อสร้าง

สมัยนี้อินเทอร์เน็ตสามารถเข้าถึงได้ง่ายและการตรวจสอบประวัติบริษัทรวมถึงผลงานที่ผ่านมาได้ไม่ยาก ปัจจุบันก็มีผู้รับเหมาก่อสร้างเกิดขึ้นมากมาย ทั้งแบบการรับเหมาก่อสร้างในรูปแบบของตัวบุคคลและแบบบริษัท แต่ทั้งนี้ปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นเป็นส่วนมากเลยก็คือการว่าจ้างแบบบุคคล
อย่างไรก็ตามทางบ้านเพื่อนก็ขอแนะนำว่าให้คุณพิจารณาจากเหล่าบริษัทรับเหมาก่อสร้างก่อนดีกว่า เนื่องจากว่าการตรวจสอบผ่านช่องทางออนไลน์ทำได้ง่าย การหาข้อมูลของบริษัทผ่านเว็บไซต์ของรัฐก็ทำได้ แถมยังมีตัวตนที่ชัดเจนมากกว่า รวมถึงทำให้เรารู้ได้ด้วยว่าที่ผ่านมาบริษัทนั้นทำอะไรไปบ้าง และสามารถทำงานตามที่เราต้องการได้หรือไม่ นอกจากนี้การสร้างบริษัทก็จำเป็นจะต้องมีที่อยู่ที่ชัดเจนช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ว่าจ้างได้ไม่น้อย
ส่วนการว่าจ้างผู้รับเหมาในแบบบุคคลธรรมดาก็ใช่ว่าจะไม่ควรว่าจ้าง เพียงแต่ว่าการตรวจสอบนั้นทำได้ยากกว่ามาก แต่ถ้าหากคุณมั่นใจว่าเจอคนที่สามารถทำให้งานคุณเป็นไปตามความต้องการได้จริงๆ การว่าจ้างใครก็ไม่ผิดแต่อย่างใด
3. ราคาต้องเป็นธรรม

ราคาเป็นปัจจัยแรกๆ ในการตัดสินใจใช้บริการของผู้ว่าจ้าง ซึ่งส่วนมากแล้วผู้ว่าจ้างมักจะหาข้อมูลจำพวกวัสดุ การก่อสร้าง หรือการให้บริการมาบ้างไม่น้อย ซึ่งก็พอให้รู้ราคาคร่าวๆ ได้
บางครั้งผู้รับเหมาบางรายอาจจะเสนอราคาสูงสวนทางกับวัสดุที่ใช้ในการทำงานก็อาจจะทำให้คุณเปลืองเงินได้ แต่บางครั้งเองก็มีการเสนอราคาที่ต่ำมากๆ ซึ่งข้อนี้เพื่อนๆ จำเป็นจะต้องมีการตรวจสอบลงไปถึงตัววัสดุว่าการเสนอราคาต่ำมาแบบนี้วัสดุจะได้คุณภาพหรือไม่
แต่บางครั้งคุณภาพวัสดุดีจริงแต่เมื่อผู้รับเหมาทำไปสักพักรู้ว่าขาดทุนก็เลยทิ้งงานกลางคันก็มี ดังนั้นข้อนี้เพื่อนๆ จะต้องตรวจสอบและพิจารณาหลายๆ ด้านก่อนไม่จำเป็นต้องรีบตัดสินใจ
4. เช็คราคาวัสดุ

อันดับแรกๆ ที่เราไม่ควรพลาดเลยก็คือการเช็คคุณภาพของวัสดุที่ใช้สำหรับการสร้างบ้าน เพื่อให้บ้านมีความแข็งแรง และวัสดุในท้องตลาดนั้นมีหลากหลายตั้งแต่แบบล่างๆ ไปจนถึงคุณภาพดีเยี่ยม ซึ่งมันก็จะมีราคาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเหมือนกัน และไม่ควรจะดูวัสดุเพียงเจ้าเดียวแต่ให้เปรียบเทียบกับหลายๆ เจ้าเราจะได้เห็นถึงความแตกต่างในด้านราคา วิธีนี้ก็ช่วยให้เราประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้ไม่น้อย และได้วัสดุที่มีคุณภาพคุ้มค่าคุ้มราคาที่สุด
หากเป็นไปได้แนะนำว่าทำบัญชีปริมาณวัสดุและราคาไปด้วยก็ได้ เพื่อให้เราเห็นรายละเอียดสิ่งของต่างๆ ที่เราจะต้องใช้สำหรับการทำงานของเรา และทำให้เราเห็นภาพของราคาได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น รวมถึงมาปรับลดหรือเพิ่มเติมได้ทีหลังตามงบประมาณที่เรามีได้
5. หมั่นตรวจงานเป็นประจำ

ในการว่าจ้างรับเหมาก่อสร้างสิ่งที่คุณไม่ควรทำเลยคือการไม่ตรวจงาน บางคนอาจจะคิดว่าเมื่อเราทำสัญญาจ้างหรือตกลงรายละเอียดในการทำงานเรียบร้อยแล้วจะปล่อยไม่ไปตรวจก็ได้ เพราะยังไงเค้าก็ต้องทำตามสัญญา ซึ่งอันนี้ก็ไม่ผิดที่ฝั่งผู้รับเหมาเองก็ต้องทำตามนั้น แต่บางครั้งมันอาจจะเกิดปัญหาขึ้นระหว่างการทำงานได้ เช่น การฉาบกำแพง การติดตั้งเสาเข็ม หรืออะไรก็แล้วแต่ หากเราได้ไปตรวจงานก็สามารถแย้งได้ทันทีจะได้ไม่ต้องเสียเวลาแก้ไข
เคยมีเคสบางเคสที่ผู้รับเหมาก่อสร้างไม่มีความซื่อสัตย์แอบเปลี่ยนวัสดุในการก่อสร้างสำหรับบางส่วน ทำให้โครงสร้างบ้านอาจจะไม่ได้มีคุณภาพ ทีนี้หากเราไม่ได้มาตรวจงานแล้วมาพบเจอภายหลังการแก้ไขทีนี้เป็นเรื่องยากและใช้เวลานานแน่ๆ และการเข้าไปตรวจงานบ่อยครั้งก็ช่วยให้เราคอยสังเกตวัสดุที่ผู้รับเหมาก่อสร้างใช้ด้วยว่าเป็นไปตามสเปคที่เราได้ระบุไว้หรือไม่
6. ตรวจรับงานหลังงานเสร็จ

ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเราก็จำเป็นจะต้องตรวจสอบงานก่อนการส่งมอบเสมอ เพราะหากมีปัญหาที่เกิดขึ้นกับงานของเราจะได้ให้ฝั่งของผู้รับเหมาทำการแก้ไขก่อนการส่งมอบ ทั้งนี้หากเราไม่มีความเชี่ยวชาญแนะนำว่าให้ว่าจ้างวิศวกรหรือบริษัทที่รับตรวจงานก่อสร้างจะดีกว่า เพราะจะมีความเชี่ยวชาญในการตรวจรับงานและสามารถตรวจสอบจุดที่บกพร่องและเกิดปัญหาขึ้นได้ และเมื่อตรวจสอบเสร็จแก้ไขเสร็จแล้วคราวนี้เพื่อนๆ ก็เซ็นรับงานได้อย่างสบายใจและไม่มีปัญหาตามมาภายหลัง
สรุป
เรื่องการก่อสร้างสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะบ้านนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เราจะต้องเตรียมตัวหลายอย่างและต้องรู้หลายเรื่องเกี่ยวกับการก่อสร้าง รวมถึงการหาผู้รับเหมาก่อสร้างที่สามารถไว้ใจและทำงานได้เรียบร้อยตรงกับความต้องการ ปัจจุบันต้องยอมรับว่ามันก็มีทั้งผู้รับเหมาก่อสร้างที่ดีและไม่ดีปะปนกันไปทำให้เราอาจจะเสียทรัพย์โดยใช่เหตุได้ ดังนั้นเช็คลิสต์เหล่านี้เราก็เชื่อว่าจะช่วยเพื่อนๆ ในการเลือกผู้ว่าจ้างรับเหมาก่อสร้างที่เหมาะสมกับความต้องการของตัวเองได้
