การก่อสร้างไม่ว่าจะเป็นบ้าน อาคารพาณิชย์ คอนโดมิเนียม โรงงาน หรือโครงการขนาดใหญ่ ล้วนต้องอาศัยการวางแผนที่รอบคอบ ความเชี่ยวชาญของวิศวกรและผู้รับเหมา ตลอดจนความร่วมมือของหลายฝ่ายเพื่อให้เสร็จตามกำหนด แต่ในความเป็นจริง การก่อสร้างจำนวนมากกลับไม่สามารถเดินหน้าไปได้ตามแผน หลายโครงการเสร็จช้ากว่ากำหนด บางครั้งกินเวลาเพิ่มขึ้นเป็นเดือนหรือเป็นปี และบางกรณีก็ทำให้ต้นทุนบานปลายจนส่งผลกระทบต่อผู้ว่าจ้างและผู้รับเหมา คำถามคือ อะไรคือสาเหตุหลักที่ทำให้การก่อสร้างล่าช้า และปัญหาเหล่านี้สามารถป้องกันหรือจัดการได้อย่างไร
ปัญหาที่ทำให้การก่อสร้างล่าช้า มีอะไรบ้าง
- ความสำคัญของการเข้าใจสาเหตุการล่าช้า
- ปัญหาด้านการออกแบบและการวางแผน
- ปัญหาด้านการจัดการโครงการ
- การเปลี่ยนแปลงคำสั่งจากเจ้าของงาน
- ปัญหาการเงินและการเบิกจ่ายงบประมาณ
- การขาดแคลนแรงงานและทักษะของคนงาน
- ปัญหาด้านวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้าง
- ปัญหาจากสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม
- ปัญหาด้านกฎหมายและการอนุญาต
- ความขัดแย้งระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
- เหตุสุดวิสัยและปัจจัยภายนอก
- แนวทางการป้องกันและจัดการปัญหา
- สรุป
ความสำคัญของการเข้าใจสาเหตุการล่าช้า
ก่อนจะลงลึกถึงปัญหาต่าง ๆ ควรตระหนักว่าการล่าช้าในงานก่อสร้างไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของเวลา แต่ยังส่งผลกระทบเชิงลบต่อด้านอื่น ๆ อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน ความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน ความสัมพันธ์ระหว่างผู้รับเหมากับเจ้าของงาน รวมถึงคุณภาพของงานก่อสร้างเอง การทำความเข้าใจสาเหตุอย่างรอบด้านจึงช่วยให้ทั้งเจ้าของโครงการและผู้รับเหมาสามารถวางแผนรับมือได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยง และทำให้งานเดินหน้าได้อย่างราบรื่นมากขึ้น
แล้วปัญหาอะไรบ้างที่ส่งผลทำให้การก่อสร้างโครงการต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งบ้านของเราเกิดความล่าช้าได้กันล่ะ ?
1. ปัญหาด้านการออกแบบและการวางแผน
การออกแบบเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด หากแบบก่อสร้างไม่สมบูรณ์ ขาดรายละเอียด หรือมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง ย่อมทำให้ผู้รับเหมาทำงานได้ไม่เต็มที่ การต้องหยุดงานเพื่อรอแบบใหม่หรือแก้ไขแบบที่ผิดพลาดจะกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ทำให้เสียเวลา นอกจากนี้ หากการวางแผนงานไม่ละเอียดพอ ขาดการประเมินระยะเวลาและทรัพยากรที่แม่นยำ โครงการก็จะไม่สามารถเดินไปตามเส้นทางที่วางไว้
2. ปัญหาด้านการจัดการโครงการ
แม้จะมีแบบที่ดี แต่ถ้าผู้จัดการโครงการหรือผู้ควบคุมงานขาดประสบการณ์หรือขาดระบบการบริหารที่มีประสิทธิภาพ ก็ทำให้เกิดความสับสนได้ เช่น การไม่จัดตารางงานอย่างเหมาะสม การขาดการประสานงานระหว่างทีมงาน การปล่อยให้เกิดความซ้ำซ้อนของงาน หรือการแก้ไขปัญหาไม่ทันเวลา สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้กำหนดการถูกเลื่อนออกไป
3. การเปลี่ยนแปลงคำสั่งจากเจ้าของงาน
เจ้าของโครงการบางครั้งมีการเปลี่ยนแปลงความต้องการกลางคัน เช่น การเพิ่มพื้นที่ การเปลี่ยนวัสดุ หรือการออกแบบตกแต่งใหม่ แม้จะเป็นสิทธิ์ของเจ้าของงาน แต่การเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้งหมายถึงการต้องกลับไปแก้ไขแบบและปรับงานที่ทำไปแล้ว ส่งผลให้เวลาที่วางไว้ไม่เป็นไปตามจริง และยังอาจทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้บางเคสก็อาจจะมีเรื่องของการเปลี่ยนวัสดุที่ตอนแรกได้ออกแบบไว้เป็นอีกแบบหนึ่ง แต่พอถึงเวลาไปเจอวัสดุอีกแบบที่สวยกว่าเจ้าของก็มีความต้องการเปลี่ยน ดังนั้นอาจจะต้องมีการปรับปรุงเรื่องแบบหรือคำนวณเรื่องน้ำหนักใหม่อีกครั้งหากวัสดุใหม่มีความแตกต่างกับอันเก่ามากเกินไป
4. ปัญหาการเงินและการเบิกจ่ายงบประมาณ
โครงการก่อสร้างต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก หากเจ้าของงานมีปัญหาในการจัดหางบประมาณ หรือการเบิกจ่ายล่าช้า ผู้รับเหมาจะไม่สามารถจัดหาวัสดุหรือจ่ายค่าแรงงานได้ตามกำหนด สิ่งนี้เป็นสาเหตุที่พบบ่อยในหลายประเทศ โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ที่พึ่งพาเงินกู้หรือเงินลงทุนจากหลายแหล่ง
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ ในปี 2540 ที่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง การก่อสร้างอาคารต่าง ๆ ได้หยุดชะงัก เนื่องจากว่าเจ้าของโครงการไม่มีเงินเพียงพอที่จะจัดสรรให้กับผู้รับเหมาได้ จนสุดท้ายเจ้าของก็ต้องทิ้งโครงการนั้นไป
คำถามต่อมาคือในเมื่อเจ้าของโครงการจ้างผู้รับเหมาและจ่ายเงินไปแล้ว ทำไมผู้รับเหมาถึงไม่ทำให้เสร็จในทีเดียวกันล่ะ ? สาเหตุมันก็จะมาจากเรื่อง “สัญญาในการก่อสร้าง” ที่แต่ละโครงการก็จะทำไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นโครงการบ้าน โครงการระดับเมกะโปรเจค หรือแม้แต่สร้างบ้านเดี่ยว ส่วนมากมักจะไม่จ่ายเงินในครั้งเดียว แต่มักจะจ่ายเงินเป็นงวด ๆ มากกว่า อย่างเช่น กำหนดจ่ายเงินงวดแรกเมื่อสร้างได้ 20%, 30% หรือจะจ่ายยังไงก็แล้วแต่ ส่วนมากมักจะไม่ได้จ่ายทีเดียวก้อนเดียว มักจะจ่ายเป็นงวด ๆ มากกว่า ดังนั้นนี่เองจึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมผู้รับเหมาถึงไม่ทำให้จบก่อนแล้วเจ้าของโครงการค่อยจ่ายเงินทีหลัง นั่นก็เพราะเป็นเรื่องระหว่าง “สัญญาการก่อสร้างของเจ้าของโครงการกับผู้รับเหมา” นั่นเองอ
5. การขาดแคลนแรงงานและทักษะของคนงาน
แรงงานก่อสร้างถือเป็นหัวใจหลัก หากแรงงานไม่เพียงพอ หรือมีทักษะไม่ตรงกับงานที่ต้องทำ ความล่าช้าย่อมเกิดขึ้นทันที ยิ่งไปกว่านั้น การขาดความต่อเนื่องของแรงงาน เช่น การลาออกของทีมงานหรือการย้ายงานไปโครงการอื่น ก็ทำให้งานสะดุด และต้องใช้เวลาในการฝึกคนใหม่
อย่างในปัจจุบันหลังจากเกิดปัญหาพิพาทชายแดนไทย – กัมพูชา ก็ทำให้แรงงานเกิดความขาดแคลน นั่นก็ส่งผลกระทบเนื่องจากว่าปริมาณแรงงานลดลงและทำให้การก่อสร้างล่าช้าได้เหมือนกัน แต่ถ้าหากมีการวางแผนจัดการที่ดี นี่ก็จะไม่ใช่ปัญหาหลักของผู้รับเหมาได้เหมือนกัน
6. ปัญหาด้านวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้าง
การจัดหาวัสดุที่ล่าช้า การขาดสต็อก หรือการที่วัสดุมีคุณภาพไม่ตรงตามมาตรฐาน ล้วนเป็นเหตุให้โครงการหยุดชะงัก บางครั้งแม้แต่เครื่องจักรสำคัญเสียหรือไม่มีอะไหล่สำรอง ก็อาจทำให้งานทั้งโครงการต้องหยุดไปชั่วคราว นอกจากนี้ วิกฤตราคาวัสดุที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น เหล็กหรือปูนซีเมนต์ ก็ทำให้เกิดปัญหาเรื่องงบประมาณและการตัดสินใจในการจัดซื้อ
7. ปัญหาจากสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม
ฝนตกหนัก น้ำท่วม หรืออากาศร้อนจัด ล้วนส่งผลต่อการทำงานก่อสร้าง เช่น งานเทคอนกรีตที่ไม่สามารถทำได้ในสภาพฝนตก หรือการทำงานกลางแดดที่อันตรายต่อแรงงาน การหยุดงานเพราะสภาพอากาศถือเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก โดยเฉพาะโครงการที่อยู่กลางแจ้งและกินเวลานาน
แต่ปัญหาหลัก ๆ สภาพอากาศที่ส่งผลกระทบที่สุดก็คือ “เรื่องน้ำท่วม” ที่หากยังก่อสร้างไม่เสร็จ ความเสียหายก็จะเกิดขึ้นกับโครงการก่อสร้าง รวมถึงผู้รับเหมาเองก็ยากจะเข้าไปทำงานได้ด้วย
8. ปัญหาด้านกฎหมายและการอนุญาต
หลายโครงการล่าช้าเพราะติดปัญหาเอกสารและขั้นตอนทางกฎหมาย เช่น การขออนุญาตก่อสร้าง การตรวจสอบความปลอดภัย หรือข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม หากเอกสารไม่ครบถ้วนหรือมีการตีความกฎหมายที่แตกต่างกัน การอนุมัติอาจยืดเยื้อ ทำให้งานเริ่มช้ากว่ากำหนดไปมาก
9. ความขัดแย้งระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ในบางครั้งเจ้าของงาน ผู้รับเหมา วิศวกรที่ปรึกษา และผู้จัดหาวัสดุอาจมีความเห็นไม่ตรงกันจนเกิดเป็นข้อขัดแย้ง หากปัญหาเหล่านี้ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างมืออาชีพ ก็อาจนำไปสู่การหยุดงานชั่วคราว หรือแม้แต่การฟ้องร้องทางกฎหมาย ซึ่งแน่นอนว่าทำให้โครงการล่าช้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ส่วนปัญหาตรงนี้ บ้านเพื่อนเองก็ยังไม่เคยพบเจอ เนื่องจากว่าเรามีทีมงานเป็นของตัวเองแบบครบวงจร ทำให้ปัญหาในเรื่องความขัดแย้งยังไม่เคยเกิดขึ้นกับทางบ้านเพื่อนแม้แต่ครั้งเดียว แต่สำหรับผู้รับเหมาที่มีการดีลหลายเจ้า ก็อาจจะเป็นปัญหาได้ด้วยเหมือนกัน
10. เหตุสุดวิสัยและปัจจัยภายนอก
บางครั้งปัญหามาจากสิ่งที่ไม่มีใครควบคุมได้ เช่น การระบาดของโรค ภัยธรรมชาติ เหตุการณ์ทางการเมือง หรือปัญหาด้านเศรษฐกิจ สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบในวงกว้าง ทำให้แรงงานไม่สามารถเข้าหน้างานได้ หรือวัสดุไม่สามารถขนส่งได้ตามปกติ
แนวทางการป้องกันและจัดการปัญหา
แม้การล่าช้าจะหลีกเลี่ยงได้ยาก แต่ก็สามารถลดความเสี่ยงได้หากมีการบริหารจัดการที่ดี เช่น การออกแบบที่ละเอียดตั้งแต่แรก การใช้ระบบ Project Management ที่ทันสมัย การสื่อสารที่ชัดเจนระหว่างทุกฝ่าย การวางแผนด้านการเงินอย่างรอบคอบ และการเผื่อเวลาสำหรับความไม่แน่นอน นอกจากนี้การมีทีมงานที่มีประสบการณ์และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าของงานก็เป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้โครงการเดินหน้าได้อย่างราบรื่น ซึ่งส่วนนี้เองบ้านเพื่อนก็ใช้อยู่ ทำให้การทำงานราบรื่นพอสมควร
สรุป
ปัญหาที่ทำให้การก่อสร้างล่าช้ามีหลายปัจจัย ทั้งที่มาจากภายในโครงการเอง เช่น การออกแบบ การจัดการ และการเงิน และที่มาจากภายนอก เช่น สภาพอากาศ กฎหมาย หรือเหตุสุดวิสัย การเข้าใจสาเหตุเหล่านี้อย่างถ่องแท้ช่วยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถเตรียมแผนรับมือได้ดีกว่าเดิม การก่อสร้างที่เสร็จตามกำหนดไม่ใช่เพียงเรื่องของความเร็ว แต่ยังสะท้อนถึงคุณภาพ การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และความน่าเชื่อถือของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง