แชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ อ่านเลย

แผ่นดินไหวเป็นภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว และอาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของอาคารบ้านเรือนได้ แม้ว่าแผ่นดินไหวจะไม่รุนแรงจนถึงขั้นทำให้บ้านถล่มลงมา แต่ก็อาจเกิดรอยร้าวหรือความเสียหายที่มองไม่เห็นได้ ซึ่งหากละเลยก็อาจเป็นอันตรายในระยะยาว การตรวจสอบบ้านหลังแผ่นดินไหวจึงเป็นเรื่องสำคัญเพื่อความปลอดภัยของทุกคนในบ้าน มาดูกันว่าวิธีการตรวจสอบบ้านหลังเกิดแผ่นดินไหวที่ถูกต้องและปลอดภัยควรทำอย่างไรบ้าง นี้คือวิธีการตรวจสอบเบื้องต้นเท่านั้น หากพบว่าภายนอกมีความเสียหายเกิดขึ้นอย่างรอยร้าวแตกบริเวณผนังเป็นช่องกว้างๆ หรือพื้นดินทรุดตัว “ห้ามเข้าไปในอาคาร” โดยเด็ดขาด !!

1. ตรวจสอบโครงสร้างภายนอกของบ้าน

ตรวจสอบรอบบ้าน

ตรวจสอบสภาพภายนอกของบ้านก่อน หากพบว่ามีรอยร้าวที่กว้างและลึก ไม่ควรเข้าไปในบ้าน :
ภาพจาก UltraTech Cement

เมื่อแผ่นดินไหวสงบแล้ว สิ่งแรกที่ควรทำคือตรวจสอบโครงสร้างภายนอกของบ้านเพื่อหาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับส่วนต่าง ๆ เช่น กำแพง เสา คาน หรือฐานราก ลองเดินสำรวจรอบบ้านเพื่อดูว่ามีรอยร้าวขนาดใหญ่หรือไม่ หากพบว่ามีกำแพงแตกร้าวเป็นแนวเฉียงหรือเป็นรอยแตกลึก อาจเป็นสัญญาณว่ามีความเสียหายต่อโครงสร้างหลัก ควรเรียกวิศวกรหรือผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบอย่างละเอียด

หากมีระเบียงหรือลานบ้าน ควรตรวจสอบว่าพื้นยังมั่นคงดีหรือไม่ หากพบว่ามีการทรุดตัวของพื้นบ้านหรือเสาค้ำยันมีรอยแตกร้าว อาจเป็นอันตรายในอนาคตได้ ส่วนของรั้วบ้านก็ควรเช็กว่ามีรอยร้าวหรือเอียงผิดปกติหรือไม่ เพราะอาจมีความเสี่ยงที่จะพังลงมา

ควรสังเกตต้นไม้หรือเสาไฟฟ้าบริเวณรอบบ้านด้วย หากพบว่ามีการเอนเอียงผิดปกติ อาจบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของพื้นดินใต้บ้านที่อาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างในระยะยาว

แนะนำหากพบว่าบ้านมีการทรุดตัวอย่างรุนแรงหรือพบรอยร้าวที่กว้างมากๆ ห้ามเข้าไปในพื้นที่เด็ดขาด และควรติดต่อเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบให้เร็วที่สุด

2. ตรวจสอบหลังคาและโครงสร้างด้านบน

รอยร้าวในบ้าน

รอยร้าวบริเวณโครงสร้างด้านบนที่รุนแรงมาก : ภาพจาก amc911

หลังคาหรือฝ้าเพดานเป็นอีกจุดที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวได้ง่าย ควรมองขึ้นไปดูว่าหลังคามีการโยกหรือเลื่อนออกจากจุดเดิมหรือไม่ กระเบื้องหลังคามีรอยแตกหรือหลุดร่วงหรือเปล่า หากพบว่ามีกระเบื้องเสียหาย ควรรีบซ่อมแซมเพื่อป้องกันการรั่วซึมหรืออันตรายจากการตกลงมา

หากเป็นบ้านที่มีฝ้าเพดาน ควรตรวจสอบดูว่าฝ้ามีรอยแตกร้าวหรือแผ่นฝ้ามีการหลุดหรือไม่ บางครั้งแผ่นดินไหวอาจทำให้ฝ้าเกิดรอยแยกที่มองไม่เห็นได้ทันที แต่เมื่อเวลาผ่านไปอาจทำให้เกิดปัญหาน้ำรั่วซึมหรือชิ้นส่วนฝ้าตกลงมาได้

ควรใช้ไฟฉายส่องใต้หลังคาเพื่อสำรวจว่ามีคานไม้หรือโครงสร้างเหล็กบิดเบี้ยวหรือไม่ หากพบว่าโครงสร้างหลังคาเสียหาย อาจต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาประเมินความแข็งแรงและทำการซ่อมแซม

3. ตรวจสอบผนังและรอยแตกร้าวภายในบ้าน

รอยร้าวที่เป็นอันตราย

รอยร้าวที่เป็นอันตรายต่อตัวบ้านเป็นอย่างยิ่ง : ภาพจาก Geobear UK

หลังจากตรวจสอบภายนอกบ้านแล้ว ต่อไปคือการตรวจสอบภายในบ้าน เริ่มจากผนังภายในว่ามีรอยร้าวหรือไม่ รอยร้าวที่เล็กน้อยอาจเป็นเพียงรอยที่เกิดจากการขยับตัวของอาคาร แต่หากรอยร้าวมีขนาดใหญ่หรือเป็นรอยแตกต่อเนื่องจากพื้นถึงเพดาน อาจหมายถึงโครงสร้างบ้านได้รับความเสียหาย และคุณควรรีบออกจากพื้นที่โดยทันที

ประตูและหน้าต่างเป็นอีกจุดที่ควรตรวจสอบ ลองเปิดปิดประตูหน้าต่างดูว่ามีการติดขัดหรือไม่ หากพบว่ามีปัญหาในการเปิดปิด อาจเป็นไปได้ว่าโครงสร้างบ้านมีการบิดเบี้ยวจากแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ซึ่งควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบเพิ่มเติม

นอกจากนี้ ให้สังเกตว่ามีฝุ่นผงหรือเศษปูนตกลงมาจากเพดานหรือไม่ เพราะอาจเป็นสัญญาณของโครงสร้างภายในที่เสียหาย ควรรีบซ่อมแซมหรือเสริมความแข็งแรงก่อนเกิดปัญหาที่ใหญ่ขึ้น

4. ตรวจสอบพื้นบ้านและระบบไฟฟ้า

พื้นบ้านอาจเกิดการทรุดตัวได้หลังแผ่นดินไหว ควรสำรวจว่ามีรอยร้าวหรือมีส่วนที่ยุบลงไปหรือไม่ หากพบว่ามีการทรุดตัวของพื้น อาจต้องพิจารณาการเสริมฐานรากหรือปรับปรุงโครงสร้างพื้นบ้านใหม่

นอกจากนี้ ระบบไฟฟ้าก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องตรวจสอบ ตรวจสอบดูว่ามีสายไฟขาดหรือชำรุดหรือไม่ หากพบว่ามีปลั๊กไฟหลุด หลอดไฟแตก หรือมีกลิ่นไหม้จากสายไฟ ควรรีบตัดกระแสไฟและเรียกช่างไฟเข้ามาตรวจสอบทันทีเพื่อป้องกันอัคคีภัย

ควรตรวจสอบตู้ควบคุมไฟฟ้าและเบรกเกอร์ว่ามีรอยไหม้หรือมีเสียงผิดปกติหรือไม่ เพราะหากระบบไฟฟ้าเสียหาย อาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรและเสี่ยงต่อไฟไหม้ได้

5. ตรวจสอบระบบน้ำและท่อประปา

แผ่นดินไหวอาจทำให้ท่อน้ำแตกหรือรั่วซึมได้ ให้ลองเปิดก๊อกน้ำและตรวจสอบแรงดันน้ำว่าปกติหรือไม่ หากพบว่าแรงดันน้ำลดลงผิดปกติ อาจมีการรั่วไหลของน้ำที่มองไม่เห็น ควรตรวจสอบรอบ ๆ บ้านว่ามีน้ำซึมออกมาจากผนังหรือพื้นบ้านหรือไม่ และควรซ่อมแซมโดยเร็วเพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม

ควรตรวจสอบถังเก็บน้ำหรือแทงค์น้ำที่ติดตั้งไว้ว่าเกิดการรั่วหรือแตกร้าวหรือไม่ เพื่อให้แน่ใจว่าน้ำที่ใช้ในบ้านยังปลอดภัยและไม่มีการปนเปื้อน

6. เฝ้าระวังอาการผิดปกติในระยะยาว

บางครั้งความเสียหายที่เกิดจากแผ่นดินไหวอาจไม่ปรากฏให้เห็นในทันที แต่อาจค่อย ๆ แสดงอาการเมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้น ควรเฝ้าระวังและสังเกตการเปลี่ยนแปลงของบ้านเป็นระยะ หากพบว่าโครงสร้างบ้านมีการแตกร้าวเพิ่มขึ้น ผนังเริ่มแยกออกจากกัน หรือพื้นบ้านมีการทรุดตัวมากขึ้น ควรรีบติดต่อผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบและซ่อมแซมก่อนที่ปัญหาจะลุกลาม

สรุป

การตรวจสอบบ้านหลังเกิดแผ่นดินไหวเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม การสำรวจโครงสร้างภายนอก ภายใน ระบบไฟฟ้า และระบบประปา จะช่วยให้เราสามารถระบุและแก้ไขปัญหาที่อาจส่งผลต่อความปลอดภัยของบ้านได้ ควรติดตามอาการผิดปกติของโครงสร้างบ้านและเตรียมพร้อมรับมือกับแผ่นดินไหวในอนาคต เพื่อให้บ้านของเรายังคงมั่นคงและปลอดภัยเสมอ


แชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ อ่านเลย