แชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ อ่านเลย

ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้น ค่าไฟฟ้าก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่คนส่วนใหญ่เริ่มรู้สึกว่า “มันแพงเกินไป” หลายคนเริ่มมองหาวิธีลดค่าไฟ หรือหันไปใช้พลังงานทางเลือก ซึ่งหนึ่งในตัวเลือกยอดฮิตที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบันก็คือ “โซล่าร์เซลล์” แต่คำถามที่ตามมาคือ การติดตั้งโซล่าร์เซลล์ในบ้านจะดีจริงหรือ? คุ้มค่าไหม? แล้วเหมาะกับการลงทุนในระยะยาวหรือเปล่า? บทความนี้จะพาคุณไปหาคำตอบให้ชัดเจน

โซล่าร์เซลล์คืออะไร ?

แผงโซล่าร์เซลล์

ภาพจาก : Freepik

โซล่าร์เซลล์ หรือที่คนไทยเรียกกันว่า “แผงพลังงานแสงอาทิตย์” เป็นเทคโนโลยีที่เปลี่ยนพลังงานแสงจากดวงอาทิตย์ให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นพลังงานสะอาด ไม่มีมลพิษ และใช้ได้ไม่มีวันหมด (อย่างน้อยก็อีกหลายพันล้านปี ตราบใดที่ดวงอาทิตย์ยังส่องแสง)

พื้นฐานของโซล่าร์เซลล์คือการนำวัสดุที่มีคุณสมบัติในการรับพลังงานแสง เช่น ซิลิคอน (Silicon) มาแปลงแสงอาทิตย์ให้กลายเป็นกระแสไฟฟ้า โดยพลังงานไฟฟ้าที่ได้สามารถนำไปใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านได้เหมือนกับไฟฟ้าปกติ หรือเก็บสะสมไว้ในแบตเตอรี่เพื่อใช้ในช่วงเวลาที่ไม่มีแสงแดดก็ได้เช่นกัน

การทำงานของโซล่าร์เซลล์

ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ การทำงานของโซล่าร์เซลล์มี 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่

การรับแสงอาทิตย์

เมื่อแสงแดดกระทบกับแผงโซล่าร์เซลล์ เซลล์พลังงานที่อยู่ในแผงจะทำหน้าที่ดูดซับแสงและเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้ากระแสตรง (Direct Current หรือ DC)

การแปลงพลังงาน

ไฟฟ้ากระแสตรงที่ผลิตได้จากแผงโซล่าร์เซลล์จะถูกส่งไปยัง “อินเวอร์เตอร์” (Inverter) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่แปลงพลังงานไฟฟ้ากระแสตรงให้กลายเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (Alternating Current หรือ AC) ที่เหมาะสมกับการใช้งานในบ้าน

การใช้งานหรือเก็บพลังงาน

พลังงานที่ได้สามารถนำไปใช้งานทันที เช่น เปิดไฟ ทีวี ตู้เย็น หรือส่งเข้าสู่ระบบแบตเตอรี่สำรองเพื่อเก็บพลังงานไว้ใช้ในช่วงกลางคืนหรือวันที่ไม่มีแสงแดด หากพลังงานที่สะสมไว้มีเหลือก็สามารถเก็บเข้าแบตเตอรี่สำรองได้ แต่ถ้าหากว่าไม่มีพลังงานสำรองเหลือและโซล่าร์เซลล์ผลิตไม่ทัน ก็จะสลับไปใช้ไฟฟ้าปกติแทน

ด้วยกระบวนการนี้ โซล่าร์เซลล์จึงสามารถทำให้คุณผลิตไฟฟ้าใช้เองได้ และช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าลงได้อย่างมีนัยสำคัญ

ข้อดีของโซล่าร์เซลล์ในบ้าน

การติดตั้งโซล่าร์เซลล์ในบ้านไม่ใช่แค่ “กระแสนิยมชั่วคราว” แต่มีข้อดีหลายอย่างที่ทำให้มันกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในระยะยาว ดังนี้

1. ลดค่าไฟฟ้าได้จริง

หนึ่งในข้อดีที่เห็นได้ชัดที่สุดคือการช่วยลดค่าไฟฟ้ารายเดือน โดยเฉพาะในบ้านที่ใช้ไฟฟ้ามากในช่วงกลางวัน เช่น เปิดแอร์ ทำงานที่บ้าน หรือต้องใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าหนักๆ ยิ่งบางบ้านที่มีการเปิดแอร์ทั้งวันจะรู้เลยว่าค่าไฟนั้นมหาโหดแค่ไหน การใช้โซล่าร์เซลล์ก็ช่วยตรงนี้ได้ไม่น้อย

2. พลังงานสะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ในยุคที่โลกต้องการลดการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล การใช้โซล่าร์เซลล์ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นตัวการสำคัญของปัญหาโลกร้อน

3. คืนทุนในระยะยาว

แม้ว่าการติดตั้งโซล่าร์เซลล์จะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ค่อนข้างสูง แต่เมื่อดูในระยะยาว 10-20 ปี คุณจะประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากกว่าค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง แต่ทั้งนี้ในปัจจุบันยังถือว่าเป็นยุคที่เริ่มต้นของโซล่าร์เซลล์อยู่ ดังนั้นอาจจะมีราคาที่สูงพอสมควรสำหรับบางท่าน

4. เพิ่มมูลค่าให้บ้าน

บ้านที่ติดตั้งโซล่าร์เซลล์สามารถเพิ่มมูลค่าในการขายต่อได้ เพราะคนรุ่นใหม่เริ่มมองหาบ้านที่ช่วยประหยัดพลังงานและลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว

5. ป้องกันเหตุไฟฟ้าดับได้

หากติดตั้งร่วมกับแบตเตอรี่สำรอง คุณจะมีไฟฟ้าใช้แม้ในช่วงไฟดับ ซึ่งเหมาะมากสำหรับพื้นที่ที่มีปัญหาไฟฟ้าดับบ่อยๆ

แผงโซล่าร์เซลล์ โดนฝนได้ไหม?

คำถามที่หลายคนสงสัยก่อนตัดสินใจติดตั้งโซล่าร์เซลล์คือ “แผงโซล่าร์เซลล์โดนฝนได้ไหม?” เพราะในประเทศไทยซึ่งมีฤดูฝนยาวนาน และบางพื้นที่ต้องเผชิญกับพายุฝนที่รุนแรง การติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์บนหลังคาก็อาจทำให้หลายคนกังวลว่าจะเกิดความเสียหายหรือไม่ และมันจะสามารถทำงานได้ดีในสภาพอากาศแบบนี้หรือเปล่า? คำตอบก็คือ แผงโซล่าร์เซลล์สามารถโดนฝนได้ แต่ก็มีบางปัจจัยที่ควรพิจารณา

แผงโซล่าร์เซลล์ส่วนใหญ่ที่ผลิตและจำหน่ายในปัจจุบันถูกออกแบบมาให้ใช้งานกลางแจ้งโดยเฉพาะ โดยตัวแผงทำจากวัสดุที่มีคุณสมบัติกันน้ำและทนต่อสภาพอากาศที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นฝนตกหนัก ความชื้นสูง หรือแม้กระทั่งลูกเห็บ โดยส่วนมากแล้วมักจะมี “มาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น (IP Rating)” อยู่ในแผงโซล่าร์เซลล์อยู่แล้ว

แผงโซล่าร์เซลล์มักจะมีมาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่นที่เรียกว่า IP Rating โดยค่าที่นิยมสำหรับแผงโซล่าร์เซลล์คือ IP65 หรือ IP67 ซึ่งหมายความว่า

  • IP65 ป้องกันฝุ่นเข้าได้อย่างสมบูรณ์ และสามารถกันน้ำจากการฉีดพ่นได้
  • IP67 ป้องกันฝุ่นได้ 100% และสามารถจมน้ำชั่วคราวได้โดยไม่มีความเสียหาย

ดังนั้น คุณไม่ต้องกังวลว่าแผงโซล่าร์เซลล์จะเสียหายจากฝนหรือความชื้น

ฝนตกมีผลต่อการทำงานของแผงโซล่าร์เซลล์หรือไม่?

ถึงแม้ว่าแผงโซล่าร์เซลล์จะทนฝนได้ แต่ฝนตกก็มีผลต่อการผลิตพลังงานของแผงโซล่าร์เซลล์ในระดับหนึ่ง เพราะการทำงานของโซล่าร์เซลล์ขึ้นอยู่กับปริมาณแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบ เมื่อฝนตกหนัก หรือในวันที่ท้องฟ้ามีเมฆมาก แสงแดดที่ส่องมายังแผงจะน้อยลง ส่งผลให้การผลิตไฟฟ้าลดลงตามไปด้วย

อย่างไรก็ตาม แผงโซล่าร์เซลล์ยังคงทำงานได้ในสภาพอากาศที่มีเมฆหรือฝนตก แม้การผลิตไฟฟ้าจะลดลง แต่แสงอาทิตย์บางส่วนยังสามารถทะลุผ่านชั้นเมฆและเข้ามาที่แผงได้ ซึ่งในบางกรณี แผงโซล่าร์เซลล์อาจผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 10-25% ของกำลังการผลิตสูงสุด ขึ้นอยู่กับความเข้มของแสงในช่วงเวลานั้น

ข้อดีของฝนต่อแผงโซล่าร์เซลล์

แม้ว่าฝนอาจลดประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าชั่วคราว แต่การที่ฝนตกก็มีข้อดีต่อแผงโซล่าร์เซลล์เช่นกัน

1. ทำความสะอาดแผงโซล่าร์เซลล์

ฝนที่ตกลงมาจะช่วยชะล้างฝุ่นละออง คราบสกปรก หรือเศษใบไม้ที่เกาะอยู่บนแผงโซล่าร์เซลล์ออกไป ทำให้แผงสะอาดขึ้นโดยไม่ต้องเสียเวลาทำความสะอาดเอง นี่เป็นข้อดีที่ช่วยให้แผงทำงานได้เต็มประสิทธิภาพหลังฝนหยุดตก ซึ่งพวกสิ่งสกปรกต่างๆ จะไปเกาะอยู่ที่หน้าแผงทำให้อาจจะบดบังการรับพลังงานจากแสงอาทิตย์ ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของมันลดลงได้เช่นกัน

    2. ลดความร้อนของแผง

    แผงโซล่าร์เซลล์ที่ทำงานในสภาพอากาศร้อนจัดอาจมีอุณหภูมิสูงจนส่งผลต่อประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า แต่ฝนที่ตกลงมาช่วยลดอุณหภูมิของแผงได้ ทำให้การทำงานมีเสถียรภาพมากขึ้น

    สิ่งสำคัญที่สุดคือการติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์ต้องมีโครงสร้างที่แข็งแรง ทนทานต่อแรงลมและฝน ควรเลือกผู้ให้บริการติดตั้งที่มีความเชี่ยวชาญและใช้วัสดุที่ได้มาตรฐาน

    นอกจากนี้หากเกิดพายุฝนรุนแรงหรือมีลูกเห็บตก หลังจากพายุสงบลงควรตรวจสอบแผงโซล่าร์เซลล์ว่าได้รับความเสียหายหรือไม่ เช่น มีรอยแตก รอยร้าว หรือจุดรั่วซึมที่อาจทำให้ประสิทธิภาพลดลง

    การลดค่าไฟด้วยโซล่าร์เซลล์

    พูดถึงการลดค่าไฟ หลายคนอาจสงสัยว่าติดโซล่าร์เซลล์แล้วจะช่วยลดค่าไฟได้มากแค่ไหน? คำตอบคือขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ขนาดของแผงโซล่าร์เซลล์ที่ติดตั้ง พื้นที่รับแสงแดดของบ้าน รวมถึงพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า

    ตัวอย่างง่ายๆ ถ้าบ้านคุณติดตั้งโซล่าร์เซลล์ขนาด 5 กิโลวัตต์ (kW) ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้เฉลี่ยวันละ 20 หน่วย (kWh) และคุณใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยวันละ 30 หน่วย (kWh) โซล่าร์เซลล์จะช่วยลดค่าไฟได้ถึง 2 ใน 3 หรือประมาณ 60% ของค่าไฟทั้งเดือน

    ในระยะยาว คุณจะเห็นความคุ้มค่าชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงที่ค่าไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีของโซล่าเซลล์นั้นยังมีจำนวนน้อย ทำให้การแข่งขันในตลาดต่ำ และราคาอาจจะสูงพอสมควร หากบ้านของคุณใช้พลังงานน้อยอยู่แล้วและรู้สึกว่าค่าไฟที่จ่ายอยู่ยังไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ ก็อาจจะพิจารณาเรื่องการติดโซล่าร์เซลล์ออกไปก่อนก็ได้

    ข้อควรรู้ก่อนติดตั้งโซล่าร์เซลล์

    ก่อนจะตัดสินใจติดตั้งโซล่าร์เซลล์ มีสิ่งที่คุณควรรู้และพิจารณาให้รอบคอบ ดังนี้

    1. ขนาดของระบบโซล่าร์เซลล์

    คุณต้องเลือกขนาดแผงและระบบที่เหมาะสมกับการใช้ไฟฟ้าของบ้าน ไม่มากเกินไปจนเปลืองงบ หรือเล็กเกินไปจนไม่คุ้มค่า

    2. สภาพแวดล้อมและตำแหน่งติดตั้ง

    บ้านที่มีร่มเงาจากต้นไม้หรืออาคารสูงอาจไม่เหมาะกับการติดตั้งโซล่าร์เซลล์ เพราะแสงแดดที่ได้รับไม่เพียงพอ

    3. อายุการใช้งาน

    แม้ว่าโซล่าร์เซลล์จะมีอายุการใช้งานเฉลี่ย 25-30 ปี แต่แบตเตอรี่สำรองมีอายุเพียง 5-10 ปี ซึ่งคุณต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ในอนาคต

    4. กฎหมายและมาตรฐาน

    ตรวจสอบว่าการติดตั้งโซล่าร์เซลล์ในพื้นที่ของคุณเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ เช่น การเชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าหลักของการไฟฟ้า ตรงส่วนนี้คุณจะต้องเลือกติดตั้งกับบริษัทที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัย

    5. การดูแลรักษา

    แม้โซล่าร์เซลล์จะไม่ต้องดูแลมาก แต่คุณควรทำความสะอาดแผงโซล่าร์เซลล์เป็นประจำเพื่อให้มันทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

    ค่าใช้จ่ายติดตั้งโซล่าร์เซลล์

    เรื่องค่าใช้จ่ายเป็นประเด็นที่หลายคนกังวล การติดตั้งโซล่าร์เซลล์ในบ้านมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ค่อนข้างสูง โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 100,000 – 300,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดของระบบและอุปกรณ์ที่เลือกใช้

    สำหรับบ้านขนาดเล็กที่ต้องการแผงโซล่าร์เซลล์ขนาด 3 กิโลวัตต์ ค่าใช้จ่ายอาจเริ่มต้นที่ประมาณ 120,000 บาท ส่วนบ้านที่ใช้ไฟฟ้ามาก อาจต้องการระบบขนาด 5-10 กิโลวัตต์ ซึ่งค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มขึ้นถึง 200,000 – 500,000 บาท

    แน่นอนว่าราคาในแต่ละเจ้าอาจจะถูกหรือแพงมากกว่านี้ก็ได้ ขึ้นอยู่กับคุณภาพของแผงโซล่าร์เซลล์ด้วยเหมือนกัน หรือบางเจ้าอาจจะกำลังจัดโปรโมชั่นอยู่และทำให้คุ้มค่าประหยัดเงินมากขึ้น

    อย่างไรก็ตาม อย่าลืมคำนึงถึงโครงการสนับสนุนจากภาครัฐ หรือการยื่นขอสินเชื่อจากธนาคารที่ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในระยะเริ่มต้น

    สรุป

    การติดตั้งโซล่าร์เซลล์ในบ้านเป็นการลงทุนที่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ในระยะแรก แต่ผลตอบแทนที่ได้ในระยะยาว ทั้งในแง่ของการลดค่าไฟ ความคุ้มค่าทางพลังงาน และการช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ล้วนทำให้โซล่าร์เซลล์เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

    แต่ก่อนจะตัดสินใจติดตั้ง ทางบ้านเพื่อนขอแนะนำว่าคุณควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ประเมินความเหมาะสมของบ้านและการใช้งานของคุณเอง และเลือกผู้ให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือ

    สุดท้ายนี้ โซล่าร์เซลล์อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกคน แต่ถ้าคุณเป็นคนที่มองหาความประหยัดในระยะยาว การติดตั้งโซล่าร์เซลล์ในบ้านอาจเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าไม่น้อย


    แชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ อ่านเลย