แชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ อ่านเลย

เมื่อพูดถึงวัสดุปูพื้นที่ได้รับความนิยมสูงในยุคปัจจุบัน หนึ่งในชื่อที่มักจะถูกพูดถึงเป็นอันดับต้น ๆ คงหนีไม่พ้น “กระเบื้องพอร์ซเลน” เพราะนอกจากความสวยงามที่ดูเรียบหรูและมีให้เลือกหลายสไตล์แล้ว ยังขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรงทนทานและสามารถใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกบ้าน

หลายคนอาจเคยเห็นหรือได้ยินคำว่ากระเบื้องพอร์ซเลนตามโฆษณาหรือโชว์รูมกระเบื้อง แต่ยังไม่แน่ใจว่าจริง ๆ แล้วมันคืออะไร แตกต่างจากกระเบื้องเซรามิกธรรมดาอย่างไร และทำไมถึงถูกยกให้เป็นวัสดุปูพื้นที่ “เกินราคา” สำหรับหลาย ๆ คน บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกระเบื้องพอร์ซเลนในแบบที่ลึกขึ้น เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน และสามารถนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจได้จริง ไม่ว่าจะกำลังวางแผนสร้างบ้านใหม่ รีโนเวทบ้านเก่า หรือแค่กำลังมองหาวัสดุปูพื้นที่ทั้งทนและดูดีในระยะยาว

กระเบื้องพอร์ซเลนคืออะไร

กระเบื้องพอร์ซเลน (Porcelain Tile) เป็นกระเบื้องชนิดหนึ่งที่จัดอยู่ในกลุ่มของกระเบื้องเซรามิก แต่มีความพิเศษและแตกต่างในด้านของวัตถุดิบและกระบวนการผลิต โดยทั่วไปแล้วกระเบื้องพอร์ซเลนจะผลิตจากดินขาว (Kaolin) ซึ่งเป็นวัสดุที่มีความบริสุทธิ์สูง และนำมาเผาด้วยอุณหภูมิที่สูงกว่ากระเบื้องเซรามิกทั่วไป ทำให้เนื้อกระเบื้องมีความแน่น แข็งแรง และทนทานต่อการดูดซึมน้ำได้ดีกว่ากระเบื้องแบบอื่น

ด้วยโครงสร้างที่แน่นหนาและมีอัตราการดูดซึมน้ำต่ำมาก (บางรุ่นน้อยกว่า 0.5%) กระเบื้องพอร์ซเลนจึงมีคุณสมบัติในการต้านทานความชื้น เชื้อรา และคราบสกปรกได้ดี เหมาะกับพื้นที่ที่มีโอกาสเปียกน้ำหรือมีความชื้นสูง เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว หรือแม้แต่พื้นที่กลางแจ้งอย่างระเบียงหรือลานซักล้าง

ที่น่าสนใจกว่านั้นคือกระเบื้องพอร์ซเลนมีผิวหน้าให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่แบบมันเงา แบบด้าน ไปจนถึงผิวที่มีความหยาบเล็กน้อยเพื่อช่วยกันลื่น และยังสามารถพิมพ์ลวดลายที่ดูสมจริงได้มาก เช่น ลายหินอ่อน ลายไม้ ลายซีเมนต์ ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนวัสดุจริงมากกว่ากระเบื้องเซรามิกทั่วไป

จุดเด่นของกระเบื้องพอร์ซเลน

หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้กระเบื้องพอร์ซเลนกลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาคือคุณสมบัติที่ตอบโจทย์การใช้งานของคนยุคใหม่ได้อย่างครอบคลุม ทั้งในแง่ความทนทาน ความสวยงาม และความคุ้มค่าในระยะยาว

จุดเด่นแรกที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือเรื่องความแข็งแรงของกระเบื้องพอร์ซเลน เพราะผ่านการเผาที่อุณหภูมิสูงมากกว่า 1,200 องศาเซลเซียส ทำให้เนื้อกระเบื้องแน่น ไม่มีรูพรุน และแข็งแกร่งมากเป็นพิเศษ สามารถรองรับน้ำหนักได้ดี ไม่แตกร้าวง่ายแม้จะถูกใช้งานในพื้นที่ที่มีการเดินผ่านไปมาบ่อย ๆ

อีกจุดเด่นที่โดดเด่นมากคืออัตราการดูดซึมน้ำที่ต่ำมาก ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบเหนือกระเบื้องเซรามิกอย่างเห็นได้ชัด เมื่อกระเบื้องไม่ดูดซึมน้ำ ก็ย่อมไม่สะสมความชื้น และเป็นการช่วยลดปัญหาเชื้อราและกลิ่นอับในพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะบริเวณที่ต้องสัมผัสกับน้ำอยู่เสมอ

ในด้านของความงาม กระเบื้องพอร์ซเลนก็ไม่แพ้ใคร เพราะมีลวดลายและผิวสัมผัสที่หลากหลายมาก สามารถเลียนแบบวัสดุธรรมชาติได้อย่างแนบเนียน ไม่ว่าจะเป็นลายไม้ที่ให้บรรยากาศอบอุ่น ลายหินอ่อนที่ดูหรูหรา หรือแม้แต่ลายคอนกรีตที่ให้ความรู้สึกโมเดิร์นแบบลอฟต์ นอกจากนี้ยังมีขนาดให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่แผ่นเล็ก ๆ ไปจนถึงขนาดใหญ่พิเศษที่ทำให้การปูพื้นดูเรียบเนียนไร้รอยต่อ

ความทนทานต่อรอยขีดข่วนและสารเคมีก็เป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่ผู้ใช้งานให้ความสำคัญ โดยเฉพาะในพื้นที่อย่างห้องครัวที่มีการทำอาหาร การหกเลอะ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ่อยครั้ง กระเบื้องพอร์ซเลนสามารถรักษาความสวยงามของพื้นไว้ได้นานกว่ากระเบื้องทั่วไปอย่างชัดเจน

ข้อเสียหรือข้อควรระวัง

แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็ใช่ว่ากระเบื้องพอร์ซเลนจะไม่มีข้อเสียเลย เพราะทุกวัสดุก็ย่อมมีข้อจำกัดในตัวเองอยู่เสมอ และการรู้ข้อจำกัดเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการใช้งานได้อย่างเหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด

ข้อเสียที่พบบ่อยที่สุดของกระเบื้องพอร์ซเลนคือเรื่องของราคาที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับกระเบื้องเซรามิกทั่วไป โดยเฉพาะถ้าเลือกแบบที่มีลวดลายพิเศษ หรือเป็นกระเบื้องพอร์ซเลนที่ผลิตจากต่างประเทศ ยิ่งขนาดใหญ่ ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีก

อีกหนึ่งจุดที่ต้องระวังคือการติดตั้ง ซึ่งกระเบื้องพอร์ซเลนมีความแข็งมากกว่ากระเบื้องประเภทอื่น จึงต้องใช้เครื่องมือพิเศษในการตัดและเจาะ และต้องใช้ช่างที่มีความชำนาญเป็นพิเศษ หากติดตั้งผิดวิธีก็อาจเกิดปัญหาเช่น กระเบื้องระเบิดหรือหลุดร่อนในระยะยาว

นอกจากนี้กระเบื้องพอร์ซเลนแบบผิวมันก็อาจมีความลื่นมากเมื่อเปียกน้ำ ทำให้ไม่เหมาะกับพื้นที่อย่างห้องน้ำหรือบริเวณที่มีความเสี่ยงต่อการลื่นล้ม เว้นแต่ว่าจะเลือกใช้รุ่นที่ออกแบบมาให้กันลื่นโดยเฉพาะ หรือมีการเลือกใช้ผิวสัมผัสที่หยาบเล็กน้อยเพื่อเพิ่มแรงเสียดทาน

การเลือกใช้กระเบื้องพอร์ซเลนให้เหมาะกับพื้นที่

การเลือกใช้กระเบื้องพอร์ซเลนให้เหมาะกับลักษณะพื้นที่และการใช้งานถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานและเพิ่มความสวยงามของบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะแม้จะเป็นกระเบื้องชนิดเดียวกัน แต่หากนำไปใช้งานผิดลักษณะ ก็อาจทำให้เกิดปัญหาได้ในระยะยาว

สำหรับพื้นที่ภายในบ้าน เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือห้องรับแขก การเลือกใช้กระเบื้องพอร์ซเลนที่มีผิวมันเงาและลวดลายหรูหราจะช่วยเพิ่มความรู้สึกโปร่ง โล่ง และดูสะอาดตา โดยเฉพาะในบ้านที่มีแสงธรรมชาติเข้าถึงได้ดี แสงจะสะท้อนกับพื้นเงา ทำให้บ้านดูสว่างมากขึ้น

แต่ถ้าเป็นพื้นที่อย่างห้องน้ำ ห้องครัว หรือระเบียง ซึ่งมีโอกาสเปียกน้ำอยู่เสมอ ควรเลือกใช้กระเบื้องพอร์ซเลนแบบผิวด้านหรือผิวหยาบ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเดิน โดยเฉพาะในบ้านที่มีเด็กหรือผู้สูงอายุ การเลือกวัสดุปูพื้นที่กันลื่นได้ดีถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม

สำหรับพื้นที่ภายนอกบ้าน เช่น ทางเดิน ลานซักล้าง หรือพื้นโรงรถ กระเบื้องพอร์ซเลนถือเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะมีความทนทานต่อแดดฝน ไม่แตกร้าวง่าย และยังทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย แต่ควรเลือกแบบที่ออกแบบมาสำหรับภายนอกโดยเฉพาะ เพื่อให้สามารถทนต่อสภาพอากาศได้ดีในระยะยาว

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือเรื่องของขนาดกระเบื้อง การเลือกขนาดที่เหมาะสมกับขนาดของห้องจะช่วยให้พื้นที่ดูสมดุลและปูพื้นได้ง่ายขึ้น หากห้องมีขนาดเล็กเกินไป การใช้กระเบื้องขนาดใหญ่เกินไปอาจทำให้ห้องดูแคบและแข็งเกินไป ในทางกลับกัน ห้องที่กว้างอาจใช้กระเบื้องขนาดใหญ่เพื่อให้ดูเรียบหรูและลดรอยต่อ

สรุป

กระเบื้องพอร์ซเลนไม่ใช่แค่กระเบื้องธรรมดาที่สวยงามและดูดีเท่านั้น แต่ยังเป็นวัสดุปูพื้นที่ตอบโจทย์ทั้งด้านความแข็งแรง ความทนทาน และความคุ้มค่าในระยะยาว เหมาะกับการใช้งานในบ้านทั้งภายในและภายนอก โดยเฉพาะกับคนที่มองหาพื้นที่ใช้งานที่ไม่ต้องกังวลเรื่องความชื้น รอยขีดข่วน หรือการดูแลรักษายุ่งยาก

แม้จะมีราคาที่สูงกว่ากระเบื้องเซรามิกทั่วไปและต้องใช้ความชำนาญในการติดตั้ง แต่หากเลือกใช้อย่างเหมาะสมและวางแผนให้ดี กระเบื้องพอร์ซเลนก็ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก เพราะสามารถใช้งานได้ยาวนานนับสิบปีโดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนใหม่บ่อย ๆ


แชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ อ่านเลย