แชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ อ่านเลย

  • นอกจากความสวยงามแล้ว ควรเลือกวัสดุปูพื้นที่กันลื่น เพื่อความปลอดภัย
  • ไม่ควร ! เลือกวัสดุที่มีผิวมันเงา วาววับ ที่ไม่มีการเคลือบสารกันลื่น เพราะพื้นประเภทนี้มักจะลื่นได้ง่าย
  • หมั่นทำความสะอาดพื้นบ้านหลังจากใช้งาน เพื่อไม่ให้ตะไคร่น้ำเกาะพื้น และเป็นการทำความสะอาดคราบต่างๆ ที่เกาะอยู่ที่พื้นออกด้วย

พื้นที่ในบ้านมักเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญในด้านความสวยงาม ความกลมกลืนกับสไตล์ของบ้าน แต่เมื่อมองให้ลึกลงไป โดยเฉพาะในบริเวณที่ต้องเจอกับสภาพแวดล้อมที่แปรปรวนหรือเปียกชื้น เช่น พื้นหน้าบ้าน พื้นลานซักล้าง พื้นระเบียง หรือแม้แต่ในห้องน้ำและห้องครัว ความสวยงามเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ พื้นเหล่านี้จำเป็นต้องมีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ เช่น การลื่นล้ม และในขณะเดียวกันต้องทนต่อแดด ลม ฝน หรือแม้แต่การกัดกร่อนจากสารเคมีบางชนิด บทความนี้จะพาคุณไปเกี่ยวกับวัสดุปูพื้นในบ้าน เพื่อหาคำตอบว่าแบบไหนที่เหมาะสมที่สุดในการใช้งานจริง ทั้งด้านความปลอดภัย ความทนทาน และความสวยงามควบคู่กันไป

ทำไมพื้นกันลื่นจึงสำคัญ

สถิติการบาดเจ็บในบ้านที่เกิดจากการลื่นล้มยังคงเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่พบได้มาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หรือแม้แต่คนทั่วไปหากพื้นที่ที่เดินผ่านเปียกน้ำหรือมีคราบไขมันสะสม การลื่นล้มในบางกรณีอาจรุนแรงถึงขั้นกระดูกหักหรือศีรษะกระแทก การเลือกวัสดุปูพื้นที่มีผิวสัมผัสช่วยยึดเกาะหรือไม่ลื่นง่ายเมื่อเปียกน้ำ จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในห้องน้ำ พื้นทางเดินระเบียง หรือพื้นที่ใกล้สระว่ายน้ำที่มักเปียกอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังรวมถึงพื้นที่ที่ต้องรองรับการใช้งานหนัก เช่น โรงจอดรถ พื้นลานหน้าบ้าน หรือพื้นโรงซักล้าง เพื่อป้องกันอันตรายจากการลื่นล้มแม้ไม่ได้ตั้งใจก็ตาม

แล้วเราจะเลือกวัสดุแบบไหนดี ต้องทนต่อสภาพอากาศมั้ย ?

คำว่า “ทนสภาพอากาศ” ไม่ได้หมายถึงแค่การไม่ซีดจางเมื่อโดนแดดเท่านั้น แต่รวมไปถึงการไม่แตกร้าวจากความร้อนจัด การไม่บวมหรือพองตัวเมื่อต้องเจอกับความชื้นซ้ำ ๆ การไม่ลื่นเมื่อเปียก และยังหมายถึงการไม่สะสมความร้อนจนทำให้เดินไม่สบายเท้าในช่วงบ่าย โดยเฉพาะในประเทศอย่างไทยที่มีทั้งฤดูร้อนที่ร้อนจัดและฤดูฝนที่มักมีน้ำขัง หากพื้นไม่สามารถระบายน้ำได้ดี หรือมีลักษณะผิวที่กลายเป็นแหล่งสะสมตะไคร่น้ำ พื้นเหล่านี้ก็จะกลายเป็นอันตรายไปในทันที คุณสมบัติเหล่านี้คือหัวใจของการพิจารณาเลือกวัสดุปูพื้นที่เหมาะสมในระยะยาว นอกจากสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นที่เรื่องของวัสดุที่ต้องทนต่อสภาพอากาศแล้ว ยังต้องช่วยป้องกันการ “ลื่น” ด้วย

วัสดุพื้นประเภทต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ทั้งกันลื่นและทนต่อสภาพอากาศ

พื้นกระเบื้องเซรามิก

พื้นกระเบื้องเซรามิกชนิดผิวหยาบถือเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ที่เจ้าของบ้านหลายคนให้ความนิยม เพราะมีลวดลายให้เลือกมาก ผิวหน้าที่ผ่านการออกแบบให้ไม่เรียบจนเกินไปช่วยให้ไม่ลื่นง่ายเมื่อน้ำเปียก อีกทั้งยังทำความสะอาดง่ายและไม่ดูดซึมน้ำ ทำให้เหมาะกับการใช้ในพื้นที่เปียก เช่น ห้องน้ำ พื้นครัว พื้นหน้าบ้าน หรือลานซักล้าง อย่างไรก็ตาม ควรระวังการใช้กระเบื้องที่มีค่าความฝืดต่ำเกินไป เพราะอาจลื่นได้เมื่อมีคราบไขมันหรือสบู่ แต่สำหรับกระเบื้องเซรามิกในตลาดปัจจุบันอาจจะมีการเคลือบสารกันลื่น (Anti – Slip) ด้วยเหมือนกัน

พื้นกระเบื้องพอร์ซเลน

ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี เพราะมีโครงสร้างที่แข็งแรงกว่ากระเบื้องเซรามิกทั่วไป มีความหนาแน่นสูง ไม่ดูดซึมน้ำ และมีผิวให้เลือกหลากหลาย ทั้งแบบหยาบและแบบที่เคลือบผิวพิเศษให้กันลื่นโดยเฉพาะ พื้นพอร์ซเลนมักถูกเลือกใช้ในพื้นที่กลางแจ้งหรือพื้นที่ที่ต้องเจอกับน้ำบ่อย เพราะทนแดด ทนฝน และไม่เกิดปัญหาซึมน้ำแล้วแตกร้าวง่าย เหมาะทั้งใช้กับพื้นลานจอดรถ ทางเดินในสวน หรือแม้แต่พื้นระเบียง

แนะนำว่ากระเบื้องพอร์ชเลนห้ามใช้แบบผิวเงาเด็ดขาด แม้ว่าแบบผิวเงาจะสวยกว่าก็จริง หากคุณต้องการคุณสมบัติกันลื่นด้วย การเลือกกระเบื้องพอร์ชเลนแบบผิวเงาอาจจะไม่ตอบโจทย์จุดนี้เท่าไหร่

พื้นหินธรรมชาติ

เช่น หินทราย หินแกรนิต หรือหินชนวน เป็นวัสดุอีกชนิดที่ตอบโจทย์ทั้งความแข็งแรง ความทนทาน และความสวยงาม โดยเฉพาะเมื่อใช้ในบริเวณกลางแจ้ง หินธรรมชาติมีความหยาบในตัวจึงกันลื่นได้ดี แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องดูแลรักษาให้เหมาะสม เพราะหินบางประเภทอาจซึมน้ำได้ง่าย และอาจเกิดคราบหรือตะไคร่หากมีความชื้นสะสมมากเกินไป การลงน้ำยากันซึมหรือเคลือบผิวจึงเป็นสิ่งที่แนะนำเพื่อยืดอายุการใช้งาน หากคุณเลือกใช้เป็นหินแกรนิตหรือพื้นหินธรรมชาติชนิดขัดมันก็อาจจะทำให้ลื่นได้เหมือนกัน

พื้นคอนกรีตพิมพ์ลาย

ที่ผ่านการแต่งผิวให้หยาบเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ทนแดด ทนฝน และกันลื่นได้ดี โดยเฉพาะในพื้นที่กลางแจ้ง เช่น ลานหน้าบ้าน ลานจอดรถ หรือพื้นทางเดินรอบบ้าน การทำผิวให้มีลวดลายและความหยาบจะช่วยลดความลื่นเมื่อน้ำเปียกได้ดี ทั้งยังไม่ต้องกังวลเรื่องตะไคร่เท่าพื้นกระเบื้องที่มีรอยต่อ อย่างไรก็ตาม พื้นคอนกรีตจะสะสมความร้อนได้มากหากไม่มีต้นไม้หรือร่มเงา การเลือกสีพื้นให้เป็นโทนอ่อนจะช่วยลดการสะสมความร้อนลงได้บ้าง

พื้นไม้เทียมหรือวัสดุพลาสติกสังเคราะห์

ที่ออกแบบให้ใช้ภายนอกโดยเฉพาะ เช่น ไม้พลาสติก WPC (Wood Plastic Composite) หรือไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์ ถือว่าเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับระเบียง พื้นสวน หรือพื้นที่ชื้น เนื่องจากวัสดุเหล่านี้ไม่ดูดซึมน้ำ ไม่พอง ไม่ผุ และมีผิวสัมผัสที่ถูกออกแบบให้ไม่ลื่น การดูแลรักษาก็ง่ายกว่าพื้นไม้จริง และไม่จำเป็นต้องขัดหรือลงน้ำยาเป็นประจำเหมือนพื้นไม้แท้ เหมาะสำหรับคนที่อยากได้ลุคอบอุ่นของไม้แต่ไม่อยากเจอปัญหาซ่อมแซมบ่อย ยิ่งสมัยนี้หลายแบรนด์ออกแบบมาเพื่อให้กันลื่นได้มากยิ่งขึ้น ทำให้แม้จะปูตรงสระว่ายน้ำก็ไม่ใช่ปัญหา

การติดตั้งและการดูแลรักษามีผลต่อประสิทธิภาพกันลื่น

แม้ว่าจะเลือกวัสดุปูพื้นที่มีคุณสมบัติกันลื่นและทนทานแค่ไหน แต่ถ้าติดตั้งไม่ถูกวิธีหรือขาดการดูแลรักษาที่เหมาะสม ก็อาจทำให้พื้นนั้นกลายเป็นอันตรายได้ เช่น การติดตั้งกระเบื้องผิดด้าน ทำให้ด้านหยาบที่ควรอยู่บนกลับไปอยู่ล่าง หรือการปูพื้นแล้วมีความลาดเอียงผิดมุมจนเกิดน้ำขัง ย่อมนำไปสู่ปัญหาความลื่นและตะไคร่ในภายหลัง รวมถึงการละเลยการทำความสะอาดพื้นเปียกคราบน้ำมันหรือสบู่ที่ตกค้าง ซึ่งอาจทำให้ผิวหน้าพื้นลื่นขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นพื้นที่เสี่ยง

การเลือกน้ำยาทำความสะอาดที่เหมาะสมกับพื้นแต่ละประเภทก็เป็นสิ่งสำคัญ น้ำยาที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงอาจทำลายพื้นผิวของหินธรรมชาติหรือเคลือบป้องกันของกระเบื้องพิเศษได้ นอกจากนี้ การใช้แปรงขัดที่ไม่เหมาะสมหรือการใช้น้ำมากเกินความจำเป็นในพื้นที่ที่ควรแห้งก็อาจเร่งให้พื้นเสียหายเร็วขึ้นได้เช่นกัน

รวมถึงสิ่งที่ดีที่สุดในการป้องกันการลื่นนอกจากเรื่องของวัสดุที่ใช้ปูพื้นแล้วการที่เราเดินด้วยความ “ระมัดระวัง” ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน เพราะอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้หากเรารีบร้อนจนเกินไป

สรุป

การเลือกพื้นบ้านที่กันลื่นและทนสภาพอากาศไม่ใช่แค่เรื่องความปลอดภัยหรือความทนทาน แต่ยังเป็นเรื่องของการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัย พื้นที่ที่เราเดินผ่านทุกวัน ควรให้ความรู้สึกมั่นใจว่าจะไม่ลื่น ไม่ร้อนเกินไป ไม่ดูดซึมน้ำจนเกิดกลิ่นอับ หรือไม่เปลี่ยนสีจนน่าเกลียด การเลือกวัสดุที่เหมาะกับพื้นที่ใช้งานจริง ติดตั้งโดยช่างที่เข้าใจหลักการ และมีการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง จะช่วยให้บ้านของคุณน่าอยู่และปลอดภัยยิ่งขึ้นในทุกฤดูกาล ทั้งฤดูร้อน ฝน หรือแม้แต่ช่วงเปลี่ยนผ่านที่อากาศแปรปรวน

ไม่ว่าคุณจะอยู่บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม หรือคอนโด พื้นที่รอบบ้านและภายในบ้านที่ได้รับการดูแลใส่ใจตั้งแต่การเลือกวัสดุจนถึงการใช้งานจริง มันก็ช่วยให้บ้านของเราสวยงามและยังมีความปลอดภัยในการใช้งานในชีวิตประจำวัน รวมถึงยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมระยะยาวอีกด้วย


แชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ อ่านเลย