หากคุณเป็นเจ้าของบ้าน หรือกำลังวางแผนจะต่อเติมบ้านเก่า สร้างบ้านใหม่ หรือแม้แต่ซื้อบ้านมือสอง สิ่งหนึ่งที่ควรให้ความสำคัญมากที่สุดแต่หลายคนมองข้าม คือ “เสาเข็ม” ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่รับน้ำหนักของตัวบ้านทั้งหมดตั้งแต่พื้นยันหลังคา หากเสาเข็มมีปัญหา บ้านทั้งหลังอาจเสียหายรุนแรงและอันตรายถึงชีวิตได้
บทความนี้จะพาคุณเข้าใจแบบเจาะลึกว่า หากบ้านเริ่มมีปัญหาเรื่องเสาเข็มไม่สามารถรับน้ำหนักได้แล้ว จะมีลักษณะเป็นอย่างไร มีสัญญาณใดที่บ่งบอกว่าโครงสร้างเริ่มผิดปกติ และควรจัดการอย่างไรหากพบว่าบ้านของคุณเข้าข่ายเสี่ยง
บ้านที่เสาเข็มรับน้ำหนักไม่ไหว มีลักษณะเป็นอย่างไร
เสาเข็มคืออะไร และทำหน้าที่อะไรในบ้าน?

ภาพจาก : Plies Buck Magazine
เสาเข็ม (Pile Foundation) คือโครงสร้างใต้ดินที่ช่วยรับน้ำหนักจากตัวอาคาร ส่งผ่านลงสู่ชั้นดินที่มั่นคงด้านล่าง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ดินชั้นบนอ่อนตัวหรือไม่มีความมั่นคงเพียงพอ การใช้เสาเข็มจะช่วยให้บ้านตั้งอยู่ได้อย่างมั่นคงปลอดภัย
หน้าที่หลักของเสาเข็มคือรับแรงกด แรงดึง หรือแรงเฉือนจากน้ำหนักของตัวบ้าน แล้วถ่ายแรงเหล่านั้นลงสู่ชั้นดินลึกที่สามารถรองรับน้ำหนักได้จริง ดังนั้นหากเสาเข็มไม่สามารถทำหน้าที่นี้ได้ ก็จะทำให้บ้านเกิดการทรุดตัวก่อนเวลาอันควร จะส่งผลเสียต่อโครงสร้างของบ้านทั้งหลัง
ปัญหาเสาเข็มรับน้ำหนักไม่ไหว เกิดขึ้นได้อย่างไร?

ภาพจาก : ResearchGate
สาเหตุที่เสาเข็มไม่สามารถรับน้ำหนักได้มีหลายประการ ซึ่งแต่ละสาเหตุอาจมาจากปัจจัยเดียว หรือหลายปัจจัยร่วมกัน เช่น
- การคำนวณโครงสร้างผิดพลาด วิศวกรอาจประเมินน้ำหนักของอาคารต่ำเกินไป ทำให้เลือกใช้ชนิดเสาเข็มที่มีความสามารถในการรับน้ำหนักไม่เพียงพอ
- การเปลี่ยนแปลงน้ำหนักอาคาร การต่อเติม เปลี่ยนวัสดุ หรือเพิ่มชั้นโดยไม่ได้ปรับเสาเข็มให้รองรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เสาเข็มทำงานหนักเกินกว่าที่ออกแบบไว้
- คุณภาพของเสาเข็มต่ำ ใช้วัสดุไม่ได้มาตรฐาน หรือเสาเข็มเสียหายระหว่างขนส่งหรือตอกลงดิน
- ดินใต้บ้านมีคุณสมบัติเปลี่ยนแปลง เช่น ดินอ่อนตัวลงหลังจากเกิดน้ำท่วม ดินทรุดจากการสูบน้ำใต้ดิน หรือเกิดโพรงดินใต้ฐานเสาเข็ม
- การตอกเสาเข็มผิดวิธี เช่น ตอกไม่ถึงชั้นดินที่แข็งแรงจริง หรือหยุดตอกก่อนเวลาเพราะเข้าใจผิดว่าเพียงพอแล้ว
สิ่งเหล่านี้ล้วนสามารถนำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่โตในอนาคต ซึ่งมักจะแสดงออกมาให้เห็นในลักษณะของความเสียหายเล็ก ๆ ก่อน แล้วจึงลุกลามอย่างรวดเร็วหากไม่ได้รับการซ่อมแซม
ลักษณะของบ้านที่เสาเข็มรับน้ำหนักไม่ไหว
เมื่อเสาเข็มเริ่มมีปัญหา บ้านจะค่อย ๆ แสดง “อาการ” บางอย่างที่คนทั่วไปอาจมองข้ามไป แต่หากสังเกตอย่างตั้งใจ คุณจะสามารถจับสัญญาณได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ซึ่งอาจช่วยป้องกันความเสียหายรุนแรงได้ทันเวลา ลักษณะที่ควรจับตามองมีดังนี้
พื้นบ้านทรุดตัวไม่เท่ากัน

ภาพจาก : Arizona Home Floors
นี่เป็นสัญญาณที่พบบ่อยที่สุด หากคุณสังเกตว่าพื้นบางส่วนของบ้านต่ำกว่าพื้นที่อื่น อาจเกิดจากเสาเข็มใต้จุดนั้นไม่สามารถรับน้ำหนักได้เต็มที่ ทำให้เกิดการทรุดตัวเนื่องจากเสาเข็มดันจมลงไปในดินมากกว่าปกติ ในบางกรณีอาจพบว่าเฟอร์นิเจอร์เอียง แม้จะวางบนพื้นที่ดูเรียบตา
ผนังแตกร้าว

ภาพจาก : Edens Structural Solutions
หากบ้านเริ่มมีรอยแตกลายงา โดยเฉพาะที่ผนังหรือแนววงกบประตูหน้าต่าง มักเกิดจากโครงสร้างที่อยู่ใต้ผนังนั้นเคลื่อนตัว อันเป็นผลมาจากเสาเข็มที่ไม่สามารถรับน้ำหนักเท่ากันทุกต้น จึงทำให้เกิดการยืดหด หรือแยกตัวของโครงสร้างจนผนังแตกร้าว
รอยร้าวแนวเฉียงจากมุมประตูหน้าต่างไปยังพื้นหรือเพดาน ถือเป็นรอยร้าวที่ต้องจับตา เพราะมักเป็นสัญญาณของโครงสร้างเคลื่อนตัวไม่ปกติ
ประตูหรือหน้าต่างเปิด–ปิดฝืด
เมื่อเสาเข็มไม่สามารถรับน้ำหนักได้ โครงสร้างของบ้านจะเริ่มบิดเบี้ยวอย่างช้า ๆ จนส่งผลให้วงกบประตูหน้าต่างที่เคยตั้งตรงนั้นเปลี่ยนรูปไป การเปิด – ปิดจึงไม่ราบรื่นเหมือนเดิม หรือบางบ้านอาจถึงขั้นปิดไม่ได้เลย
บ้านเอียงหรือพื้นเฉียง

ภาพจาก : Foundation Recovery Systems
หากเดินในบ้านแล้วรู้สึกเหมือนเท้าเอียง หรือสิ่งของวางบนพื้นกลิ้งไปในทิศทางเดียวโดยไม่มีใครมากระทำใด ๆ กับสิ่งของนั้น ๆ อาจเป็นสัญญาณว่าเสาเข็มบางต้นรับน้ำหนักไม่ได้เท่ากันแล้ว ทำให้ฐานบ้านเอียงลงด้านใดด้านหนึ่ง
บ่อน้ำรอบบ้านทรุดตัว
ในบ้านที่มีถังเก็บน้ำ บ่อบำบัด หรือบ่อน้ำใต้ดิน หากพบว่าพื้นรอบ ๆ ทรุดลงอย่างเห็นได้ชัด หรือผนังรอบบ่อแตกร้าว อาจเป็นสัญญาณว่าเสาเข็มที่รองรับส่วนดังกล่าวรับน้ำหนักไม่ไหว โดยเฉพาะบ่อที่อยู่ใกล้ผนังบ้าน อาจทำให้โครงสร้างภายในบ้านได้รับผลกระทบตามไปด้วย
ท่อประปาแตกรั่วใต้พื้น

ภาพจาก : Advantage Plumbing
อีกหนึ่งอาการที่มักไม่ทันสังเกตคือ ท่อประปาใต้ดินแตกรั่ว หากเสาเข็มใต้จุดนั้นทรุดตัว จะทำให้ท่อที่ฝังอยู่เกิดการงอหรือเคลื่อนตัวจนแตกรั่ว ส่งผลให้ดินรอบ ๆ อุ้มน้ำและทำให้การทรุดตัวแย่ลงเรื่อย ๆ
หลายกรณีเจ้าของบ้านเริ่มสังเกตได้จากกลิ่นอับชื้นภายในบ้าน รอยคราบน้ำบนพื้น หรือมีบริเวณที่พื้นอ่อนยวบยาบกว่าปกติ
บ้านที่สร้างมานาน ยังมีโอกาสเจอปัญหาเสาเข็มไหม ?

แม้บ้านจะสร้างมานานกว่า 10 – 20 ปีแล้ว ก็ไม่ได้แปลว่าจะปลอดภัยเสมอไป หากพื้นที่นั้นมีการเปลี่ยนแปลงของชั้นดิน เช่น การขุดเจาะของอาคารข้างเคียง การทำอุโมงค์รถไฟฟ้า การเปลี่ยนระดับน้ำใต้ดิน หรือแม้แต่น้ำท่วมหนัก ๆ ก็อาจทำให้เสาเข็มเกิดการทรุดตัวใหม่ได้
นอกจากนี้ บ้านที่มีการต่อเติมโดยไม่ได้เสริมเสาเข็มให้เหมาะสม ก็อาจทำให้บ้านส่วนที่ต่อเติมเกิดปัญหาการทรุดที่แยกตัวจากส่วนหลักของบ้าน และส่งผลย้อนกลับไปยังโครงสร้างเดิมได้เช่นกัน
วิธีตรวจสอบบ้านเบื้องต้น หากสงสัยว่าเสาเข็มมีปัญหา

หากคุณสงสัยว่าบ้านของคุณมีเสาเข็มที่รับน้ำหนักไม่ไหวหรือเริ่มมีปัญหา สามารถทำการตรวจสอบเบื้องต้นได้ดังนี้
- ลองวางลูกแก้วบนพื้นในจุดต่าง ๆ แล้วดูว่ามันกลิ้งหรือไม่
- เดินไปรอบบ้าน และสังเกตว่ามีพื้นบริเวณไหนที่ดูต่ำกว่าจุดอื่น
- ตรวจสอบรอยร้าวตามผนัง โดยดูว่าเป็นรอยเฉียงหรือไม่ และมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หรือเปล่า
- ลองเปิด–ปิดประตูหน้าต่างหลาย ๆ จุด และสังเกตว่ามีจุดไหนที่ฝืดผิดปกติ
- ถ้ามีแปลนบ้านเดิม ลองให้วิศวกรหรือผู้เชี่ยวชาญช่วยเทียบว่าส่วนที่ทรุดมีเสาเข็มอยู่ตรงตำแหน่งใด
แนะนำว่าให้ตรวจสอบบ้านอย่างสม่ำเสมอ เพราะการที่บ้านทรุดนี่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก ควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาวิธีแก้ไข
สรุป
บ้านที่เสาเข็มรับน้ำหนักไม่ไหว ไม่ใช่เรื่องไกลตัวหรือเกิดขึ้นแค่กับบ้านเก่า แต่สามารถเกิดได้กับบ้านทุกประเภท หากเสาเข็มมีปัญหาในการรับน้ำหนักตั้งแต่แรก หรือมีปัจจัยภายนอกมารบกวนในภายหลัง
การรู้จักสังเกตอาการผิดปกติเล็กน้อย เช่น พื้นเอียง ผนังร้าว หรือประตูฝืด อาจช่วยให้คุณจับปัญหาได้ทันก่อนที่จะบานปลาย สิ่งสำคัญคือต้องอย่าละเลย และควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทันทีที่สงสัย เพื่อความปลอดภัยในระยะยาวของคุณและครอบครัว