การสร้าง ต่อเติม หรือรีโนเวทบ้านใหม่ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติของการก่อสร้าง แต่หลายคนอาจจะไม่ได้คิดว่าการทำสิ่งเหล่านี้จะต้องมีการขออนุญาตจากหน่วยงานรัฐในการก่อสร้าง ปรับปรุง หรือรีโนเวทด้วย เพราะถ้าหากว่าเรามีการทำสิ่งเหล่านี้แล้วไม่ได้มีการขออนุญาตก็อาจจะต้องถูกสั่งให้รื้อถอนหรือถูกดำเนินคดีตามกฎหมายได้ แล้วแบบไหนที่เราต้องขออนุญาตกันแน่ ?
ต่อเติมบ้าน หมายถึง การดัดแปลงโครงสร้าง เพิ่มเติม ขยาย หรือแม้กระทั่งมีการปรับปรุงภายในบ้านก็ถูกจัดให้เป็นการต่อเติมบ้านทั้งนั้น ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลเหล่านี้จะต้องมีการคำนึงถึงหลักการก่อสร้างที่ถูกต้องและเป็นไปตามพระราชบัญญัติการก่อสร้างปี พ.ศ. 2522 ฉะนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่าแบบไหนต้องขออนุญาตกันบ้าง
การต่อเติมบ้านต้องขออนุญาตไหม ? แบบไหนที่ต้องขออนุญาต
1. การต่อเติมบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยเกิน 5 ตารางเมตร
สำหรับการต่อเติมบ้านที่ต้องมีพื้นที่ใช้สอยเกิน 5 ตารางเมตรจำเป็นจะต้องมีการขออนุญาตจากหน่วยงานรัฐ สาเหตุที่เราต้องขออนุญาตก็เพราะว่าการต่อเติมอาจจะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของตัวบ้าน รวมถึงยังส่งผลกระทบกับแผนผังเมือง และสิทธิของเพื่อนบ้านได้ด้วยเหมือนกัน แต่หลักๆ ก็มาจากเรื่องของความปลอดภัยเพราะถ้าหากต่อเติมแล้วตัวบ้านหรือเสาเข็มอาจจะรับโครงสร้างที่เราต่อเติมเข้าไปใหม่ไม่ไหวและอาจจะเกิดอันตรายภายหลังทำให้มีการเสียชีวิตหรือทรัพย์สิน แม้กระทั่งส่งผลกระทบต่อเพื่อนบ้านได้ ดังนั้นการต่อเติมบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยเกิน 5 ตารางเมตรนั้นเราจำเป็นจะต้องมีการขออนุญาตจากหน่วยงานรัฐก่อน
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522
2. การเปลี่ยนวัสดุในบ้านที่แตกต่างไปจากเดิมเกิน 10%
หากเรามีการต่อเติมหรือเปลี่ยนแปลงวัสดุในส่วนต่างๆ ของบ้านไม่ว่าจะเป็นหลังคา กำแพง พื้น ผนัง คาน หรือส่วนต่างๆ ของบ้าน โดยมีการใช้วัสดุที่มีคุณสมบัติแตกต่างจากเดิม ยิ่งเป็นวัสดุใหม่ที่มีน้ำหนักเกินกว่า 10% ของวัสดุเดิม
ส่วนนี้ก็จำเป็นจะต้องมีการขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะมันจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อโครงสร้างของอาคาร เนื่องจากว่าตอนก่อสร้างทางวิศวกรจะมีการออกแบบและมีการคำนวณเรื่องโครงสร้างไว้อยู่แล้ว และโครงสร้างเดิมอาจจะเพียงพอสำหรับการรับน้ำหนักจากวัสดุเดิมเท่านั้น แต่ถ้าหากเราเปลี่ยนเป็นวัสดุใหม่ตัวโครงสร้างอาจจะรับไม่ไหวทำให้บ้านเกิดรอยร้าว เกิดผลกระทบต่อความแข็งแรงของตัวอาคารแบบภาพรวมได้
ดังนั้นที่เราแจ้งก็เพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยตรวจสอบและประเมินว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ รวมถึงเจ้าหน้าที่ก็จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องการปรับเปลี่ยนได้อีกด้วย
3. บ้านจะต้องเหลือที่ดินรอบบ้านขั้นต่ำ 30%
เรื่องนี้กฎหมายเกี่ยวกับด้านการก่อสร้างก็มีระบุไว้ว่าหากเรามีการต่อเติม ขยายพื้นที่ตัวบ้านแล้วจะต้องมีพื้นที่คงเหลือรอบบ้านไม่น้อยกว่า 30% เนื่องจากว่าที่กำหนดเช่นนี้ก็เพื่อเวลาเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินเช่น ไฟไหม้ จะทำให้ไฟลามไปยังเพื่อนบ้านข้างๆ ได้ยากขึ้นและลดความเสียหายจากอุบัติเหตุเช่นนี้ได้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการระบายอากาศ ความปลอดโปร่งของผู้อยู่อาศัยและการรบกวนเพื่อนบ้านอีกด้วย และอีกสิ่งที่เป็นประเด็นสำคัญต่อภาพรวมเลยก็คือเรื่องของผังเมือง เพราะหากพื้นที่รอบบ้านน้อยเกินไปอาจจะเป็นการส่งผลกระทบต่อผังเมืองได้
แล้วถ้าเราอยากต่อเติมตามความต้องการของเรา แต่กลายเป็นว่าพื้นที่โดยรอบเหลือน้อยกว่า 30% จะทำได้มั้ย ? คำตอบคือทำได้ แต่ว่าจะต้องมีการขออนุญาตเป็นพิเศษจากหน่วยงานของรัฐเพื่อให้พิจารณาความเหมาะสมและความจำเป็นของการต่อเติมนั้นๆ
4. ต้องมีการเว้นระยะถอยร่นที่เหมาะสม
ระยะถอยร่นคือ ข้อกำหนดทางด้านกฎหมายที่กำหนดระยะขอบเขตของที่ดินกับอาคารหรือบ้านหรือโครงสร้างที่สร้างขึ้นบริเวณนั้นๆ โดยต้องมีระยห่างที่เหมาะสมหากสิ่งปลูกสร้างของคุณตั้งอยู่บริเวณใกล้กับถนน คลอง หรือที่ดินติดกับพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งส่วนนี้หากเรามีการต่อเติมจนเกินระยะถอยร่นที่กำหนด อาจจะถูกสั่งรื้อถอนและถูกปรับได้ ซึ่งสิ่งปลูกสร้างแต่ละแบบก็จะมีระยะถอยร่นที่ไม่เท่ากัน
ส่วนเพื่อนๆ ที่ทราบประเภทสิ่งก่อสร้างของตัวเองแล้วต้องการต่อเติมเพิ่มเติมแต่กลัวว่าจะไปผิดในเรื่องของระยะ สามารถตรวจสอบจาก “กรมโยธาธิการและผังเมือง” ได้เลย มีบอกละเอียดครบ
สรุป
สำหรับการต่อเติมบ้านหรือรีโนเวทบ้านใหม่นั้นแน่นอนว่าเราคงไม่ได้ทำแค่เพียงเล็กๆ มีขนาดน้อยกว่า 5 ตารางเมตรอย่างแน่นอน เพราะการปรับปรุงทีนึงส่วนมากก็จะเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่เพื่อไม่ให้เสียเวลาและเป็นการประหยัดต้นทุนมากกว่าการทำทีละอย่างสองอย่างอีกด้วย ดังนั้นเราควรตรวจสอบและขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่รัฐเสมอ
หากไม่ชัวร์ว่าเราจะต้องมีการขออนุญาตหรือไม่ เบื้องต้นหลังจากที่เราออกแบบการปรับปรุงหรือต่อเติมบ้านกับนักออกแบบแล้วเราก็สามารถสอบถามรายละเอียดได้ว่าเราจะต้องขออนุญาตหรือไม่ อย่างบ้านเพื่อนเองเมื่อคุยเบื้องต้นในการปรับปรุงเสร็จก็จะช่วยประเมินและแจ้งว่าต้องขออนุญาตกับหน่วยงานรัฐด้วยหรือไม่ให้กับคุณก่อนที่จะเริ่มการปรับปรุงด้วยเช่นกัน