แชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ อ่านเลย

บ้านเป็นสถานที่ที่เราใช้ชีวิตมากที่สุดในแต่ละวัน ความสะดวกสบายภายในบ้านจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของบ้านหลายคนใส่ใจมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อสภาพอากาศในประเทศไทยมีความร้อนจัดเป็นส่วนใหญ่ การทำให้บ้านเย็นและน่าอยู่จึงเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง และการฉีดโฟมบนหลังคาบ้านก็ได้กลายเป็นหนึ่งในทางเลือกยอดนิยมที่ได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

คำถามสำคัญที่หลายคนมักจะสงสัยคือ “การฉีดโฟมบนหลังคาจำเป็นจริงหรือ?” และ “มันคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปหรือไม่?” หากพิจารณาอย่างละเอียดถึงคุณสมบัติของโฟม ประโยชน์ที่ได้รับ และผลกระทบระยะยาวต่อทั้งบ้านและผู้อยู่อาศัย ก็จะพบว่าการฉีดโฟมหลังคานั้นไม่ใช่แค่แฟชั่นหรือทางเลือกเสริม แต่คือการยกระดับคุณภาพของบ้านอย่างแท้จริง

โฟมที่ใช้ฉีดคืออะไร และทำงานอย่างไร

โฟมที่ใช้ในการฉีดบนหลังคาส่วนใหญ่จะเป็นโฟมพียู หรือ Polyurethane Foam ซึ่งเป็นวัสดุฉนวนที่มีประสิทธิภาพสูงมากในการกันความร้อน และยังมีความยืดหยุ่นในการยึดเกาะพื้นผิวต่าง ๆ ได้ดี ลักษณะเด่นของโฟมพียูคือ เมื่อฉีดออกมาจะขยายตัวในเวลาไม่กี่วินาที และเซ็ตตัวกลายเป็นวัสดุแข็งที่ยึดเกาะผิวได้แน่นสนิท

การทำงานของโฟมพียูนั้นอาศัยการสร้างชั้นฉนวนความร้อนแบบไร้รอยต่อ โดยจะครอบคลุมทุกซอกทุกมุมของพื้นที่ที่ฉีด ซึ่งต่างจากฉนวนบางประเภทที่เป็นแผ่นหรือม้วน ซึ่งอาจมีช่องว่างหรือจุดที่ความร้อนสามารถเล็ดลอดได้ โฟมพียูจะอุดจุดอ่อนเหล่านั้นและทำให้หลังคากลายเป็นเสมือนโล่ที่ป้องกันความร้อนจากภายนอกได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

1. ลดความร้อน ลดความรำคาญ

เมื่อพูดถึงอุณหภูมิภายในบ้าน สิ่งที่มักเป็นปัญหาคือความร้อนที่แผ่ลงมาจากหลังคา โดยเฉพาะในบ้านที่ใช้หลังคาเมทัลชีทหรือกระเบื้อง ที่ดูดซับแสงแดดไว้โดยตรง เมื่อแดดจ้าตลอดทั้งวัน แผ่นหลังคาก็จะสะสมความร้อนและส่งผ่านลงมายังเพดานด้านล่าง ส่งผลให้ภายในบ้านร้อนอบอ้าว แม้จะเปิดหน้าต่างระบายอากาศก็ตาม

โฟมพียูที่ฉีดใต้หลังคานั้นจะทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้ความร้อนแผ่เข้าสู่ภายในบ้าน ด้วยคุณสมบัติที่เป็นฉนวนความร้อนที่มีค่า R-Value สูง จึงช่วยลดอุณหภูมิได้ถึง 5-10 องศาเซลเซียสในบางกรณี โดยเฉพาะในช่วงบ่ายที่อากาศร้อนจัด โฟมจะช่วยชะลอการแผ่ความร้อน และเมื่ออุณหภูมิลดลง บ้านจะเย็นเร็วขึ้นในช่วงเย็น ส่งผลให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกสบายตัวมากขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา

2. ประหยัดพลังงาน ลดค่าไฟในระยะยาว

อีกหนึ่งผลพลอยได้สำคัญจากการฉีดโฟมคือการประหยัดพลังงาน เมื่อบ้านไม่ร้อน การใช้เครื่องปรับอากาศก็ลดลง การเปิดแอร์ที่เคยใช้ความเย็นระดับต่ำสุด ก็อาจปรับให้สูงขึ้นได้โดยยังคงรู้สึกเย็นสบายอยู่ การเปิดแอร์ตลอดทั้งวันก็อาจลดลงเหลือแค่เฉพาะช่วงเวลาจำเป็น ซึ่งในระยะยาวจะส่งผลให้ค่าไฟฟ้าลดลงอย่างเห็นได้ชัด

มีรายงานจากเจ้าของบ้านหลายรายว่า หลังจากฉีดโฟมบนหลังคาแล้ว ค่าไฟลดลงเฉลี่ย 20-30% ต่อเดือน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนหน้านั้น และหากคำนวณต้นทุนของการฉีดโฟมกับระยะเวลาที่ประหยัดค่าไฟได้ ก็จะพบว่าการลงทุนครั้งเดียวนี้สามารถคืนทุนได้ในเวลาไม่เกิน 2-3 ปี ซึ่งถือเป็นเรื่องที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสำหรับบ้านขนาดใหญ่หรือบ้านที่มีการใช้เครื่องปรับอากาศเป็นประจำ

3. ป้องกันการรั่วซึมจากฝนฟ้าอากาศ

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีฤดูฝนยาวนานและฝนตกหนักในหลายพื้นที่ หลังคาบ้านจึงมักเผชิญกับปัญหาการรั่วซึมจากรอยต่อ รอยร้าว หรือแม้แต่จากการติดตั้งหลังคาที่ไม่สมบูรณ์ โฟมพียูเมื่อฉีดเข้าไปจะขยายตัวและแทรกตัวเข้าไปในทุกซอกมุมของโครงสร้างหลังคา ช่วยปิดช่องว่างเหล่านั้นอย่างแนบสนิท

เมื่อตัวโฟมแข็งตัวแล้วจะกลายเป็นชั้นวัสดุที่ไร้รอยต่อ ไม่เปิดช่องให้น้ำฝนรั่วซึมผ่านลงมา และแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิหรือแรงลมที่ทำให้แผ่นหลังคาขยับ โฟมก็จะยืดหยุ่นพอที่จะคงสภาพเดิมไว้โดยไม่ฉีกขาดหรือหลุดร่อน จึงช่วยป้องกันความเสียหายต่อเพดานและเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. ลดเสียงรบกวนจากภายนอก

ในเขตชุมชนเมือง หรือบ้านที่อยู่ใกล้ถนนใหญ่ มักจะเผชิญกับเสียงรบกวนจากรถยนต์ เสียงคนเดิน เสียงฝนตกกระทบหลังคา ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม แต่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว โฟมพียูที่ฉีดลงบนหลังคาจะทำหน้าที่เป็นฉนวนเสียงควบคู่กับฉนวนความร้อน ทำให้เสียงจากภายนอกลดลงอย่างชัดเจน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝนที่เสียงฝนกระทบแผ่นเมทัลชีทมักจะดังรบกวน การมีโฟมฉีดอยู่ด้านล่างจะช่วยลดเสียงดังกล่าวลงได้มาก และยังทำให้การนอนหลับหรือการทำกิจกรรมในบ้านมีความสงบมากขึ้น ช่วยให้บ้านกลายเป็นสถานที่พักผ่อนที่แท้จริง

5. เพิ่มความแข็งแรงให้กับโครงหลังคา

อีกหนึ่งข้อดีที่อาจไม่ค่อยถูกพูดถึงมากนักคือ โฟมพียูที่ฉีดลงไปบนหลังคานั้น เมื่อตัวโฟมเซ็ตตัวเต็มที่แล้วจะมีความแข็งแรงในระดับหนึ่ง ซึ่งช่วยยึดเกาะแผ่นหลังคาให้แน่นหนาขึ้น ลดการสั่นหรือการกระพือของแผ่นหลังคาในช่วงที่มีลมแรง และลดปัญหาหลังคาเปิดหรือหลุดระหว่างพายุ

สำหรับบ้านที่สร้างมานาน หรือมีปัญหาโครงสร้างหลังคาไม่แน่น โฟมพียูยังช่วยเสริมความมั่นคงของแผ่นหลังคาได้ในระดับที่ดี และสามารถยืดอายุการใช้งานของวัสดุเดิมให้ยาวนานขึ้นได้อีกหลายปี

6. ป้องกันการเกิดหยดน้ำจากการควบแน่น

ในบางกรณี โดยเฉพาะบ้านที่ใช้แผ่นเมทัลชีท จะพบปัญหาการเกิดหยดน้ำจากไอน้ำที่ควบแน่นบนผิวแผ่นเหล็กด้านใน เมื่ออุณหภูมิภายในกับภายนอกบ้านมีความต่างกันมาก การควบแน่นนี้จะเกิดเป็นหยดน้ำที่ไหลลงมาเปื้อนฝ้าเพดาน หรือในบางกรณีถึงขั้นหยดใส่พื้น โฟมพียูจะช่วยป้องกันไม่ให้ไอน้ำสัมผัสกับผิวที่เย็นของแผ่นหลังคาโดยตรง จึงลดปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

7. ลดโอกาสที่สัตว์และแมลงจะเข้ามาอาศัย

โครงหลังคาที่มีช่องว่างหรือรอยต่อ มักจะเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์หรือแมลง เช่น งู หนู จิ้งจก หรือแมลงสาบ การฉีดโฟมจะช่วยปิดกั้นช่องว่างเหล่านี้ทั้งหมดอย่างแนบสนิท ทำให้ไม่เหลือที่หลบซ่อนสำหรับสัตว์ที่ไม่พึงประสงค์เหล่านั้น ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับคนในบ้าน และยังลดความเสี่ยงในการเกิดเชื้อโรคหรือความเสียหายต่อระบบไฟฟ้าที่เกิดจากสัตว์แทะสายได้ด้วย

8. สะดวกรวดเร็ว ไม่ยุ่งยากในการติดตั้ง

อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้หลายคนเลือกใช้โฟมฉีดคือความสะดวกและความรวดเร็วของกระบวนการติดตั้ง โดยทั่วไปแล้วการฉีดโฟมไม่จำเป็นต้องรื้อหลังคาหรือปรับเปลี่ยนโครงสร้างใด ๆ สามารถฉีดทับเข้าไปได้เลย และใช้เวลาติดตั้งเพียง 1-2 วันเท่านั้น ไม่สร้างฝุ่นหรือเสียงรบกวนเหมือนงานก่อสร้างประเภทอื่น จึงเหมาะกับบ้านที่มีผู้อยู่อาศัยประจำ ไม่ต้องย้ายออกระหว่างทำงาน

สรุป

แม้โฟมพียูจะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีบางเรื่องที่ควรคำนึงถึงเช่นกัน เช่น วัสดุโฟมที่ไม่มีคุณภาพอาจเกิดกลิ่น หรือเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ นอกจากนี้หากช่างที่ติดตั้งไม่มีความชำนาญ อาจฉีดโฟมไม่สม่ำเสมอ หรือฉีดหนาเกินไปจนเกิดปัญหาเรื่องน้ำหนัก หรือการระบายอากาศไม่ดี

อีกประเด็นสำคัญคือโฟมบางประเภทหากไม่มีสารหน่วงไฟ อาจติดไฟได้ง่าย จึงควรเลือกใช้โฟมที่ได้รับมาตรฐานการกันไฟ เพื่อความปลอดภัยของบ้านในระยะยาว และควรสอบถามให้แน่ใจก่อนฉีดทุกครั้ง


แชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ อ่านเลย